วิเคราะห์การเมือง : ตัวแปรการเมืองเริ่มจากเศรษฐกิจใหม่ถึงประชาธิปัตย์
ตัวแปรการเมืองเริ่มจากเศรษฐกิจใหม่ถึงประชาธิปัตย์ : สถานการณ์ทางการเมืองภายหลังการเลือกตั้งหากมองผ่านพรรคพลังประชารัฐ หากมองผ่านพรรคภูมิใจไทย หากมองผ่านพรรครวมพลังประชาชาติไทย
ย่อมเห็นแต่ด้านที่ราบรื่น ย่อมเห็นแต่ด้านที่สดใส
นั่นก็คือ ชัยชนะที่พรรคพลังประชารัฐได้มาผ่านคะแนนป๊อปปูลาร์โหวต 8.4 ล้าน นั่นก็คือ ชัยชนะที่พรรคภูมิใจไทยได้มาผ่านการสนับสนุนนโยบายกัญชาเสรี
นั่นก็คือ โอกาสที่จะผลักดัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
ยิ่งหากมองไปยังแนวโน้มที่จะดึงเอา 35 ส.ส. จากพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง ยิ่งทำให้เส้น ทางไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลราบรื่นเหมือนยืนอยู่บนเนินเขา
กระนั้น พลันที่มีข้อเสนอว่าด้วยรัฐบาลแห่งชาติ ว่าด้วยรัฐบาลปรองดอง ดังขึ้นมาจากพรรคประชา ธิปัตย์ ความหงุดหงิดไม่สบอารมณ์ย่อมบังเกิด
เพราะภายใน 4 รายชื่อที่เป็นแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี
1 คือ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท 1 คือ นายพลากร สุวรรณรัฐ 1 คือ นายศุภชัย พานิชภักดิ์ 1 คือ นายชวน หลีกภัย
ไม่ปรากฏชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
สะท้อนให้เห็นว่าข้อเสนอว่าด้วยรัฐบาลแห่งชาติ ว่าด้วยรัฐบาลปรองดอง มีเป้าหมายเพื่อปฏิเสธบทบาทและความหมายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคสช.
เมื่อนำเอาการเคลื่อนไหวจากภายในพรรคประชาธิปัตย์ประสานเข้ากับท่าทีของพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่ออกมาปฏิเสธการเข้าเป็นพันธมิตรกับพรรคพลังประชารัฐ
ยิ่งทำให้ความหวังของพรรคพลังประชารัฐถอยห่างออกไป
แม้ว่าการปฏิเสธของพรรคเศรษฐกิจใหม่จะหมายเพียง 6 เสียง แต่ท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ยังบ่งบอกถึงสภาวะที่ไม่แน่นอนยังดำรงอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์
ทำไปทำมาอาจต้องเสีย 35 ส.ส.ไปเหมือนเสีย 6 ส.ส.
ทำไปทำมาพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ยอมร้องเพลงเดียวกับพรรคพลังประชารัฐเหมือนกับพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา
ท่าทีของพรรคเศรษฐกิจใหม่โดยแถลงการณ์ของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ก่อความสูญเสียให้กับพรรคพลังประชารัฐอย่างชัดแจ้ง ตรงไปตรงมา
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังไม่แน่นอน
แม้จะมั่นใจใน 250 ส.ว. ว่าสามารถควบคุมได้เหมือนกับที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เคยยืนยัน แต่แนวโน้มที่พรรคประชาธิปัตย์อาจเหมือนพรรคเศรษฐกิจใหม่เริ่มเด่นชัด
เด่นชัดว่าอาจไม่ไปกับพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา