ก้าวใหม่ การเมือง ก้าวสำคัญ ประชาธิปัตย์ พฤษภาคม 2562
คอลัมน์ : วิเคราะห์การเมือง
วิเคราะห์การเมือง – มิใช่ครั้งแรกที่พรรคประชาธิปัตย์ประสบปัญหาจากการเลือกตั้งอย่างเป็นการทั่วไป โดยเฉพาะในพื้นที่กทม.อันเป็นพื้นที่อิทธิพลของพรรคประชาธิปัตย์
การเลือกตั้งเมื่อเดือนเมษายน 2522 ก็ได้มาเพียง 1
เพราะว่าผลสะเทือนจากสถานการณ์เดือนตุลาคม 2519 เพราะว่าผลสะเทือนจากการเกิดขึ้นของพรรคประชากรไทย
การเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2535 ก็ได้มาเพียง 1
เพราะว่าผลสะเทือนจากรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2534 เพราะว่าผลสะเทือนจากการเกิดขึ้นของพรรคพลังธรรม
การเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ก็เช่นเดียวกัน
เหมือนกับในการเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562 จะมาจากผลสะเทือนของพรรคพลังประชารัฐ และผลสะเทือนจากพรรคอนาคตใหม่
เป็นเช่นนั้น แต่ก็ด้วยปัจจัยที่แตกต่าง
ผลสะเทือนของพรรคพลังประชารัฐเป็นปัญหาภายในของพรรคประชาธิปัตย์อย่างแท้จริง เพราะว่าเป็นฝีมือและการวางแผนของคนที่เคยอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์
ไม่ว่า นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ไม่ว่า นายสกลธี ภัททิยกุล
เพราะ 2 คนนี้ไม่เพียงแต่ถูกดูดเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล หากแต่ 2 คนนี้ยังรื้อฐานกำแพงของพรรคประชาธิปัตย์ผ่าน ส.ก. ส.ข.ในกทม.ไปอยู่กับพรรค พลังประชารัฐราบเรียบ
กระนั้น การเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ก็เป็นการเกิดขึ้นบนฐานทางการเมืองอันแตกต่างไปจากพรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชารัฐโดยสิ้นเชิง พรรคอนาคตใหม่ ไม่มีส.ก. ส.ข. ไม่มีหัวคะแนน
ตรงกันข้าม พรรคอนาคตใหม่พุ่งเป้าไปยังฐานคะแนนเสียงอันเรียกว่า “ฟิวเจอริสต้า” ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ เป็น “นิวโหวตเตอร์”
และ 800,000 คะแนนที่ได้มาคือคนกลุ่มนี้
สภาพความเป็นจริงทางการเมืองหลังรัฐประหารเมื่อปี 2557 เป็นเช่นนี้จึงทำให้ฐานเดิมของพรรคประชาธิปัตย์แตกไปยังพรรคพลังประชารัฐ และตักตวงได้มาโดยพรรคอนาคตใหม่
คําถามที่เสนอต่อพรรคประชาธิปัตย์อย่างแหลมคมยิ่งก็คือ พรรคประชาธิปัตย์จะตัดสินใจอย่างไรในอีก 1 เดือนข้างหน้าทางการเมือง
จะไปแบบพรรคพลังประชารัฐ
หรือว่าจะศึกษาบทเรียนการปรากฏตัวขึ้นมาของพรรคอนาคตใหม่แล้วนำมาปรับแก้ภายในพรรคประชาธิปัตย์เพื่อหาโอกาสพลิกฟื้นขึ้นมาใหม่
ทาง 2 แพร่งนี้แหละที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้อง ตัดสินใจเลือก