คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
คำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรอันประกาศออกมาจากกระทรวงการคลังแม้จะได้รับการยืนยันว่า
ไม่เกี่ยวอะไรกับกรณีของ “ชินคอร์ป”
เพราะว่าเป็นการดำเนินการตามมติที่ประชุมคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีเมื่อวันที่ 7 มีนาคม นั่นก็คือเป็นเรื่องเก่า เป็นเรื่องที่ถือได้ว่าเป็นปัญหาในลักษณะทั่วไปของกรมสรรพากร
แต่เมื่อปรากฏในราชกิจจานุเบกษาฉบับประจำวันที่ 20 มีนาคม ก็เป็นประเด็น
เป็นประเด็น 1 เนื่องจากเป็นเรื่องอันเกี่ยวกับภาษีอากร เป็นประเด็น 1 เพราะว่ากรมสรรพากรทำหน้าที่ในเรื่องอันเกี่ยวกับภาษีอากรโดยตรง
อาจแยกเป็นของกรมสรรพสามิตบ้าง อาจแยกเป็นของกรมศุลกากรบ้าง
แต่กล่าวโดยรวมแล้ว กรมสรรพากรถือเป็นกรมหลัก กรมใหญ่ อันมีส่วนอย่างสำคัญในการหารายได้ให้กับรัฐผ่านระบบภาษีอากร
และตอนนี้ก็ได้รับมอบหมายในเรื่อง “ชินคอร์ป”
ข้อเท็จจริงอันเป็นที่รับรู้กันอย่างกว้างขวางก็คือ กรมสรรพากรไม่ได้มีความคิดในเรื่องการเรียกเก็บภาษี
การซื้อ ขายหุ้น “ชินคอร์ป”
อาจมีความคิดเช่นนี้ดำรงอยู่
แต่ผ่านสถานการณ์หลังจากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ต่อเนื่องมายังหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
ความคิดในเรื่อง “ภาษี” กรมสรรพากรก็มี “บทสรุป”
เป็นบทสรุปภายหลังมีคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นบทสรุปภายหลังจากมีการดำเนินการยึดทรัพย์เป็นจำนวน 46,000 ล้านบาท เป็นบทสรุปหลังจากพยายามเรียกเก็บภาษีจำนวน 16,000 ล้านบาท
แล้วการฟื้นเรื่องเรียกเก็บภาษี “ชินคอร์ป” เกิดขึ้นได้อย่างไร
ปัจจัย 1 มาจากข้อเสนอและการกดดันจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) โดยถือว่ากรมสรรพากรจักต้องเรียกเก็บภาษีจากธุรกรรม “ชินคอร์ป”
1 มาจากการค้นพบ “อภินิหาร” ในทางกฎหมาย
ท่าทีของกรมสรรพากรก็อีหรอบเดียวกับท่าทีของกระทรวงการคลัง ท่าทีกระทรวงพาณิชย์ในกรณีการยึดและอายัดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในโครงการรับจำนำข้าว
แม้จะเป็นภารกิจสำคัญ แต่ก็ไม่สุกงอมที่จะทำเท่าใดนัก
ต่อโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาจมี “มาตรา 44” มาเป็นตัวช่วย แต่ต่อ
กระบวนการเรียกเก็บภาษี “ชินคอร์ป” กลับไม่มี
และตั้งเป้าหมายอยู่ที่ “อภินิหาร” ทางกฎหมายสถานเดียว
จากวันนี้เรื่อยไปจนถึงก่อนวันที่ 31 มีนาคม แต่ละวันล้วนมี “ความหมาย” เป็นอย่างสูงต่อกรมสรรพากร
เป็นความหมายในการสำแดงออกว่า กรมสรรพากรจะดำเนินการประเมินภาษีอย่างไร เป็นความหมายว่าการปฏิบัติตามคำชี้แนะว่าด้วย “อภินิหาร” ทางกฎหมายจะลงเอยอย่างไร
แสงแห่งสปอตไลต์ย่อมฉายจับเป็นธรรมดา
