ดาวเด่น การเมือง จาก “สุทิน” ถึง “ปิยบุตร” ยิ่งฟัง ยิ่งชมชอบ
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
ดาวเด่น การเมือง – สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่อุบลราชธานีมีส่วน ในการเสริมความเด่นให้กับบทบาทของ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ฉันใด สถานการณ์อภิปรายทั่วไปก็มีส่วนในการเสริมความเด่น 2 นักการเมือง
1 คือ นายปิยบุตร แสงกนกกุล 1 คือ นายสุทิน คลังแสง
ทั้งๆ ที่ 2 คนนี้มีภูมิหลังเป็น “นักวิชาการ” สามารถใส่คำว่า “ดร.” นำหน้าชื่อได้เหมือนกัน แต่ลีลาของทั้ง 2 คนก็แตกต่าง คนละรส คนละลีลา
แต่ก็เป็นลีลาที่เร้าใจ แต่ก็เป็นรสที่แซ่บ
อย่าได้แปลกใจหากว่า สื่อไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบก็มิอาจปฏิเสธบทบาทและความหมายของทั้ง นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ นายสุทิน คลังแสง ได้
หากถือตามพรรษาทางการเมืองก็ต้องยอมรับว่า นายสุทิน คลังแสง มีความจัดเจนมากกว่าเพราะเติบใหญ่มากับพรรคไทยรักไทย เติบใหญ่มากับการเป็นส.ส.เขตและอยู่ในต่างจังหวัด
นอกจากเป็นครูบ้านนอก ยังจัดรำวงเร่ไปตามหมู่บ้าน อีกด้วย
อย่าแปลกใจ ไม่ว่าจะปราศรัยด้วยภาษาอีสาน ไม่ว่าจะปราศรัยด้วยภาษากรุงเทพฯ สำนวนและลีลาของ นายสุทิน คลังแสง แนบแน่นอยู่กับชาวบ้าน
แปร “นามธรรม” ให้อยู่ใน “รูปธรรม” อันเหมาะสม
จากการอภิปรายที่ผ่านๆ มา ไม่ว่าระหว่างเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าระหว่างพิจารณานโยบายรัฐบาล ลีลาของ นายสุทิน คลังแสง แม้กระทั่ง นายปิยบุตร แสงกนกกุล ก็ชมชอบ
เมื่อนำ นายปิยบุตร แสงกนกกุล มาวางเรียงอยู่เคียงข้างกับ นายสุทิน คลังแสง มีความแตกต่างกันอย่างแน่นอน ไม่ว่าด้วยพรรษาการเมือง ไม่ว่าด้วยลีลาการอภิปราย
กระนั้น ก็เป็นความแตกต่างที่มิได้แตกแยก
เพราะว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล นอกจากเป็นนักวิชาการแล้วยังเป็นนักวิชาการที่สอนวิชาการกฎหมาย มีชีวิตอยู่ในสังคม “เมือง” มากกว่า “ชนบท”
จึงอาจมากับศัพท์สำนวนเหมือนกับออกมาจาก “ตำรา”
กระนั้น เนื้อหาของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ก็เป็นเนื้อหาอันเป็นประชาธิปไตย เป้าหมายก็เพื่อ ผลประโยชน์ของประชาชนเช่นเดียวกับของ นายสุทิน คลังแสง
นายปิยบุตร แสงกนกกุล อาจมีลักษณะ “หนอนตำรา” หากเทียบกับ นายสุทิน คลังแสง นั่นอาจเป็นเพราะยังใหม่บนสนามการเมือง
แต่เชื่อเถิดด้วยเวลาไม่นาน
การประสานความรู้ในทาง “นามธรรม” จากตำราเข้ากับสภาพความเป็นจริงแล้วถอดเป็น “รูปธรรม” ในแบบของ นายสุทิน คลังแสง ก็จะปรากฏ
แล้วคนก็จะชอบ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เหมือนกับชอบ นายสุทิน คลังแสง