แนวโน้มพลังดูด สงครามเพื่อทำลายล้าง เพื่อไทยคือเป้า
คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
แนวโน้มพลังดูด – ข่าวเรื่องพรรคพลังประชารัฐพยายามใช้ “พลังดูด” กับ 10 กว่าส.ส.ของพรรคเพื่อไทยมองเผินๆ เหมือนกับเป็นเรื่องล้อกันเล่น
แต่หากฟัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็รู้ว่า “เอาจริง”
ยิ่งหากฟัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประสานกับน้ำเสียงของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็จะประจักษ์ได้ในความรู้สึก และตระหนักในความจำเป็น
คราวนี้พรรคพลังประชารัฐต้องการอย่างแจ้งชัด
คำถามต่อพรรคพลังประชารัฐ คำถามต่อบรรดา ส.ส.อันตกเป็นเป้าหมายก็คือ จะดูดหรือว่าจะดึงในเมื่อนี่เป็นสภาพที่ร้อนแรงและล่อแหลมอย่างยิ่งใน ทางการเมือง
หากจับอาการและการแสดงออกของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ตั้งแต่ ภายหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคมเป็นต้นมาก็จะรู้สึก
รู้สึกในความจำเป็น รู้สึกในความพยายาม
การนัดพบ ส.ส.พรรคเพื่อไทยในห้วงก่อนการ ประชุมญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญในวันที่ 18 กันยายน มิได้เป็นคนแรก
ตรงกันข้าม เท่าที่เป็นข่าวก็เป็นหนที่ 3 ที่ 4 เข้าไปแล้ว
คำถามที่ชวนให้ขบคิดอย่างเป็นพิเศษก็คือ ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าเป้าหมายการพบปะแต่ละครั้งคืออะไร แต่เหตุใดจึงยังมีส.ส.รุ่นแล้วรุ่นเล่ายอมรับคำเชื้อเชิญ
เมื่อประเมินท่าทีของรัฐบาล เมื่อประเมินแต่ละจังหวะก้าวของพรรคพลังประชารัฐก็จะมองเห็นว่าเป้าในการทำลายล้างใหญ่ๆ ก็มี 2 พรรค
1 คือพรรคเพื่อไทย 1 คือพรรคอนาคตใหม่
ต่อพรรคอนาคตใหม่ ต่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เด่นชัดอย่างยิ่งว่าไม่ต้องการให้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้เข้าสภา และที่สุดก็ต้องการจะยุบพรรค
แต่ต่อพรรคเพื่อไทยเป็นความพยายามในการแยกสลาย
อาจเป็นเพราะไม่อาจแยกสลายผ่านกระบวนการดูดต่อพรรคอนาคตใหม่ แต่กับพรรคเพื่อไทยยังมี ร่องรอยบางอย่างเจาะเข้าไปได้ อย่างเช่นกรณีที่สุรินทร์ เป็นต้น จึงต้องการแยกสลาย
ชะตากรรมของพรรคเพื่อไทยจึงเป็นสถานการณ์เดียวกันกับที่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน เคยประสบ นั่นก็คือ ต้องการแยกสลาย ต้องการทำลาย
ทำลายด้วยรัฐประหาร ทำลายด้วยพลังดูด
รัฐประหาร 2549 แต่ละครั้งอาจก่อให้เกิดการแยกสลาย กลายเป็นพรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรคภูมิใจไทย
รัฐประหาร 2557 ก็ยังดำรงจุดมุ่งหมายอย่างไม่แปรเปลี่ยน