หลังกรณีวางระเบิดเสาไฟฟ้า เผายางรถยนต์ วางตะปูเรือใบ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และบางอำเภอในสงขลา เมื่อคืนวันที่ 6 ต่อวันที่ 7 มีนาคม
ปรากฏความเห็น “ต่าง” ตามมาอย่างคึกคัก
หากฟังจากน้ำเสียงระดับสูงจากสภาความมั่นคง แห่งชาติ ประสานกับน้ำเสียงระดับสูงจากกองทัพภาคที่ 4
เหมือนกับเป็นเรื่องเดิม-เดิม
เป็นเรื่องเดิมที่มีการก่อกวน ก่อการร้าย สร้างปัญหา สร้างความยุ่งยากให้กับประชาชน ทั้งๆ ที่ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย
ประชาชนก็เบื่อหน่ายและปฏิเสธกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ
ขณะเดียวกัน หากฟังจากน้ำเสียงของคนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำทางศาสนา ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการซึ่งเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
สถานการณ์ทำท่าจะยกระดับ และน่าเป็นห่วง
หากมองจากอดีต สถานการณ์วางระเบิด เผายางรถยนต์ หรือวางตะปูเรือใบ มิได้เป็นเรื่องใหม่อย่างที่ฝ่ายความมั่นคงสรุปจริงๆ
เพราะเมื่อปี 2535 ก็เคยมีการเผาโรงเรียน 40 โรงมาแล้ว
เป็นการเผาในรัฐบาล นายชวน หลีกภัย แห่งพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการเผาต้อนรับการดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยของ นายเด่น โต๊ะมีนา
จากปี 2535 มายังปี 2560 จึงถือได้ว่าเป็นเรื่องเดิม-เดิม
กระนั้น หากพิจารณาอย่างเจาะลึกก็จะมองเห็นจุดต่าง ความแปลกแตกออกไป และที่คนในพื้นที่บางคนเห็นว่าเป็นการยกระดับก็มีความเป็นไปได้เหมือนกัน
เป็นการยกระดับและส่ง “สัญญาณ” ใหม่ในทาง “การทหาร”
ปมเงื่อนซึ่งไม่ควรมองข้ามก็คือ 1 เป็นการปฏิบัติการพร้อมกันจำนวน 40 กว่า และ 1 เป็นการปฏิบัติการพร้อมกันในลักษณะครอบคลุมพื้นที่
นั่นก็คือ พื้นที่ 3 จังหวัดและอีก 2 อำเภอในสงขลา
ปฏิบัติการในลักษณะเช่นนี้ย่อมมิได้เป็นเรื่อง “อุบัติเหตุ” หรือเป็นไปเองโดยอัตโนมัติอย่างเด็ดขาด หากแต่ต้อง มีการวางแผน
ที่สำคัญเป็นอย่างมาก คือ มีการบัญชาการจาก “กองบัญชาการ”
นี่ย่อมประสานกับกระแสข่าวที่ว่ามีการเปลี่ยนตัว “ผู้นำ” คนใหม่ของขบวนการบีอาร์เอ็น หลังจากคนเก่าได้เสียชีวิตที่มาเลเซีย
“สัญญาณ” นี้จึงมาจากผู้นำ “คนใหม่”
หากมองจากเดือนมกราคม 2547 สถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีลักษณะเคลื่อนไหวแน่นอน
เคลื่อนไหวและยกระดับอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ฝ่ายนั้น จะเลือก “เทศะ” ใด เพียงแต่ฝ่ายนั้นจะกำหนด “กาละ” อย่างไร
ทั้งหมดนี้สะท้อนลักษณะ “รุก” ลักษณะเป็น “ฝ่ายกระทำ”
(หน้า 6)