คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
หากใครติดตามการถามในเรื่อง “เรือดำน้ำ” และการตอบจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะประจักษ์ว่าสถานะ ชื่อ ชั้น ทางการเมือง การทหารที่ได้มา
ไม่ธรรมดา และมีลักษณะพิเศษ
ไม่เพียงแต่ทำให้กระแส “ข่าวลือ” ในเรื่องการจะปลด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กลายเป็นเรื่องเด็กๆ ขึ้นโดยอัตโนมัติ
หากแต่ยังสร้างความมั่นใจต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นอย่างสูง
มิใช่เพราะว่ากระบวนการซื้อ “เรือดำน้ำ” จะได้รับการคุ้มครองจากมาตรการ “ลับสุดยอด” พร้อมกับประทับ “ตราแดง” ต่อเอกสารทุกซอง
หากแต่อยู่ที่กระบวนท่าในการตอบอันมาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ไม่ว่าจะเป็นการตอบในเรื่องข่าวลือ ข่าวปลด ไม่ว่าจะเป็นการตอบในประเด็นอันเกี่ยวกับกองทัพเรือและเรือดำน้ำ
ล้วนสะท้อน “ลักษณะพิเศษ” ออกมา
ตัวอย่างซึ่งมีความเด่นชัดอย่างยิ่งก็เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พูดได้หรือไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นผู้ให้กำเนิดเรือดำน้ำ
คำถามแบบนี้มักปรากฏในห้วงที่เรียกว่า “ทีเผลอ”
“ไม่ใช่” เป็นการปฏิเสธโดยพลันจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ “พูดเช่นนั้นไม่ได้เพราะเรื่องนี้เป็นของเก่าที่กองทัพเรือริเริ่ม ผมไม่ใช่เป็นผู้ริเริ่ม”
ที่ตามมาอย่างสำคัญก็คือ
“ถ้าบอกว่าผมเป็นผู้สนับสนุนให้เกิดเรื่องนี้ก็ต้องบอกว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้สนับสนุนเหมือนกัน ครม.ทุกคนก็สนับสนุนทั้งหมด”
เท่านี้ก็ต้องยอมรับว่า “มือโปร”
แม้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะดำรงอยู่ในสถานะอันเป็น “รุ่นพี่” ไม่ว่าต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าต่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
แต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่เคยเคลิ้มหรือถึงกับ “เค-ลิ้ม”
ตรงกันข้าม การ์ดรัดกุมอย่างยิ่งเพราะสถานะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ดำรงอยู่คือ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคสช.
หากปะเข้ากับคำยกย่องประเภท “พูดได้หรือไม่ว่าเป็นผู้ให้กำเนิดเรือดำน้ำ” แล้วหลุด “ยอมรับ” ไปด้วยความปลาบปลื้มจนลืมตัว
*ก็ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะยืนระยะอยู่ได้อย่างนี้
ถามว่าหลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 สถานะของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ดำเนินมาอย่างไร
ดำเนินมาในลักษณะที่เป็นคนยืนอยู่ “ข้างหลัง” ไม่ใช่คนยืนอยู่ “ข้างหน้า” และข้างหน้าของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
สำนึกตระหนักเช่นนี้แหละที่คุ้มครอง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
