คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
ผ่านจากวันที่ 22 มายังวันที่ 26 พฤษภาคม เริ่มมีบทสรุป เริ่มมีความรู้สึก ร่วม อันหนักแน่นและจริงจังต่อกัมปนาทแห่งระเบิดที่ห้องวงษ์สุวรรณขึ้น
แน่นอน ยังไม่มีคำตอบว่า ใคร หรือ กลุ่มใด
เพราะเมื่อเจ้าหน้าที่ระดับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ยังไม่ระบุ เพราะเมื่อเจ้าหน้าที่ระดับ พล.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ยังไม่ระบุ
ก็มีแต่ นักการเมือง บางคน บางกลุ่มเท่านั้นที่ กล้า
ขณะเดียวกัน ยิ่งประมวลแต่ละรายละเอียดและความเชื่อมโยงของ ระเบิด เข้ามาจัดวางอย่างเป็นระบบ ณ เบื้องหน้า ก็ยิ่งก่อให้บังเกิดความสยอง
เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องในแบบ ขบวนการ และเป็นขบวนการ ใหญ่
เข้าทำนองใหญ่ระดับช้าง ระดับไดโนเสาร์ ที่เข้ามาปะทะและขัดแย้งกัน ประเภทบ้านๆ เดินดินกินข้าวแกงยากจะทำได้
ทำไมถึงว่าเรื่องนี้ต้องเป็น ขบวนการ อันแรกสุดก็คือ ต้องมองลักษณะอันเชื่อมโยง สัมพันธ์ อย่างค่อนข้างจะสลับซับซ้อน
เพราะเกี่ยวกับระเบิดบนถนนราชดำเนินกลาง วันที่ 5 เมษายน
เพราะเกี่ยวกับระเบิดที่ สับขาหลอก ว่าเป็นท่อพีวีซีแตกดังปังที่ข้างโรงละครแห่งชาติ ใกล้ท้องสนามหลวง เมื่อคืนวันที่ 15 พฤษภาคม
ยิ่งกว่านั้น ยังสัมพันธ์กับระเบิดในปี 2550
เมื่อประจักษ์ในลักษณะอันเชื่อมโยง สัมพันธ์ เช่นนี้ ก็จะเห็นได้ว่าจำเป็นต้องใช้คน ใช้อุปกรณ์ และใช้ทุนทรัพย์อย่างมหาศาล
ยิ่งการพกระเบิดเข้าโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ยิ่งน่าหวาดกลัว
อย่าลืมอย่างเด็ดขาดว่า โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เป็นหน่วยราชการ ทั้งยังเป็นหน่วยราชการในสังกัดกรมแพทย์ทหารบก
ความหมายก็หมายความว่าเป็นพื้นที่ ทหาร
พื้นที่อย่างนี้ย่อมมีทหารทั้งในและนอกเครื่องแบบเต็มไปหมด พื้นที่อย่างนี้ต้องอาศัยความรอบรู้อย่างรอบด้านและรัดกุม
ยิ่งเป็นการถือแจกันเข้าไปวาง ห้องวงษ์สุวรรณ
เป้าหมายเป็นห้องวงษ์สุวรรณ และวางในวาระครบรอบ 3 ปีของรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม เป็นเป้าหมายที่แทบไม่ต้องแถลงการณ์ในเรื่องเป้าหมาย
เพราะว่า วงษ์สุวรรณ บ่งบอกอย่างแน่ชัด
หากจับอาการไม่ว่าจะจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ย่อมเห็น
เห็นในความรอบคอบ เห็นในความรัดกุม ไม่ให้ความเห็นไปตามอารมณ์ ความรู้สึก หากแต่ยึดกุมหลักฐานอันตำรวจและทหารได้มา
บ่งชี้ว่าระเบิดครั้งนี้มากด้วยเงื่อนงำ สลับซับซ้อน