คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
ในบรรดาผู้ที่เข้าสู่สนามการเมืองในห้วง 1 ทศวรรษหลังรัฐประหาร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนักการเมืองคนหนึ่งที่สร้าง อภินิหาร หลายอย่าง
อย่างเช่นการใช้เวลาเพียง 49 วันก็ได้เป็น นายกรัฐมนตรี
อย่างเช่นการสามารถยืนหยัดอยู่ในตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี จากเดือนสิงหาคม 2554 กระทั่งก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เล็กน้อย
ทั้งๆ ที่คนคาดว่าไม่น่าจะอยู่ได้พ้นปี
เพราะเมื่อประสบเข้ากับ มหาอุทกภัย อันเท่ากับเป็นการต้อนรับน้องใหม่ในเดือนตุลาคม 2554 ใครๆ ต่างก็คิดว่าไม่น่าจะรอดถึงเดือนมกราคม 2555
แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็อยู่จนถึงอีก 3 ปีต่อมา
ถามว่า อภินิหาร อัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประสบครั้งแล้วครั้งเล่ามีรากฐานมาจากปัจจัยอะไรในทางสังคมและในทางการเมือง
คำตอบ คือ เพราะอีกฝ่ายประเมินเธอ ต่ำ
เมื่อปรากฏรายชื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ หมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย ก็เรียกเสียงหัวร่อกันครืน
ทุกคนล้วนสบประมาท แม้กระทั่งในพรรคเพื่อไทย
แต่แล้วผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 ไม่เพียงแต่พรรคเพื่อไทยจะกำชัยเหนือพรรคการเมืองอื่นไม่เว้นแม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
หากแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ได้เป็น นายกรัฐมนตรี
เมื่อดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี แทบไม่มีนายกรัฐมนตรีคนใดที่จะถูกสาดทั้งน้ำร้อน น้ำเย็นเข้าใส่เหมือนกับที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประสบ
แต่เธอก็ยืนหยัดอยู่กว่า 3 ปี
เมื่อถูกรัฐประหารก็ถูกคิดบัญชีสารพัด ตั้งแต่ ป.ป.ช.วินิจฉัย กระทั่งสนช.ลงมติ ถอดถอน ทั้งๆ ที่ถูกถอดถอนมาแล้ว
มีการใช้มาตรา 44 เปิดทางสะดวกไปสู่การอายัดและยึดทรัพย์
แต่ละมาตรการล้วนมีเป้าหมายให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนีเหมือนกับที่พี่ชายเคยหลบหนีมาแล้ว แต่ทำอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ไม่ยอมหนี
ยังคงเดินทางไปศาลอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
พลันที่วันพิพากษากำหนดให้มีขึ้นในวันที่ 25 สิงหาคม ก็มีการสร้างกระแสเพื่อสกัดขัดขวางมิให้คนที่รักและศรัทธา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคลื่อนไหว
ปล่อยข่าวว่ามีการว่าจ้างประชาชนหัวละ 1,500 บาท
คสช.ถึงกับออกคำสั่งกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ส่งเจ้าหน้าที่ทหารออกขวางมิให้ชาวบ้านเดินทางมายังกทม.
ไม่ยอมให้คนแสดงความรัก ความห่วงใย