คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
อาจเพราะการนำตัว “เณรคำ” มาดำเนินคดี ทำให้ไม่เพียงแต่จะมีข่าว “ธัมมชโย” ตามมาอย่างคึกคักและมากด้วยสีสัน
เป็นข่าวจาก “กรมสอบสวนคดีพิเศษ” หรือ “ดีเอสไอ”
แล้วทุกอย่างก็กลายเป็นเรื่องลึกลับดำมืด เพราะไม่เพียงแต่รัฐมนตรีซึ่งกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จะออกมาระบุ
ยังไม่ได้รับรายงานจาก “พศ.”
หากสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ยืนยันว่า “เรื่องนี้ดีเอสไอเป็นหน่วยที่รับผิดชอบหลัก สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นเพียงหน่วยสนับสนุนและการบังคับใช้กฎหมายเท่านั้น”
พลันที่ดีเอสไอออกมาแถลงว่าเป็น “ข่าวลือ” ทุกอย่างก็ค่อยๆ เงียบไป
ข่าวการหนีออกนอกประเทศของ “ธัมมชโย” มิได้เป็นข่าวใหม่ ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนกับข่าวเกี่ยวกับโฆษกของคณะศิษยานุศิษย์แห่งวัดพระธรรมกาย
นั่นก็คือ ระบุว่านั่งอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งในยุโรป
สอบถามแล้วก็เป็นการอ้างอิงข่าวจาก “โซเชี่ยล มีเดีย” โดยไม่มีการยืนยัน และเป็นการหลุดออกมาจาก “แหล่งข่าว” อันเป็นที่ปรึกษาใกล้ชิดกับ “ดีเอสไอ”
ทุกอย่างจึงล้วนเป็นการ “มโน” ขึ้นมาทั้งสิ้น
ยิ่งข่าวการลอบหนีออกนอกประเทศที่ “แหล่งข่าว” เหล่านี้นำมาพูดยิ่งมากด้วยสีสัน วิลิศมาหราเป็นล้นพ้น
นั่นก็คือ ลอบหนีไปกับตู้คอนเทนเนอร์
น่าเห็นใจดีเอสไอ น่าเห็นใจตำรวจ เพราะการติดตามตัว “ธัมมชโย” กลายเป็นภารกิจที่คว้าน้ำเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า
กรณีบุกรีสอร์ตที่พังงา ภูเก็ต ก็เนื่องจากเรื่องนี้
ข่าวลืออันเกี่ยวกับ “ธัมมชโย” ก็ยังไม่เป็นที่ยุติว่า ตกลงยังกบดานอยู่ในประเทศหรือว่าไปอยู่ต่างประเทศเรียบร้อยธรรมกายแล้ว
เพราะสาขาของธรรมกายในต่างประเทศก็มีมากกว่า 30 แห่ง
ยิ่งกว่านั้น บนเนื้อที่กว่า 2,000 ไร่ ที่วัดและมูลนิธิธรรมกายครอบครองอยู่ก็กว้างใหญ่ไพศาล มากด้วยอาคาร การก่อสร้างที่ยากที่ดีเอสไอและตำรวจจะสามารถบุกเข้าไปทำอะไรได้
การบริหารงานของธรรมกายก็ยังเป็นของธรรมกาย
ยิ่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) คนใหม่ที่มากับคำสั่งตามมาตรา 44 มีปัญหากับมหาเถรสมาคม มีปัญหากับวัด
ยิ่งทำให้กรณีวัดพระธรรมกายถูกกลบทับ
การหายตัวไปจากที่ประชุมมหาเถรสมาคม 2 นัดติดต่อกันท่ามกลางการถามหาของกรรมการมหาเถรสมาคมก็หนักหนาอยู่แล้ว
ยังจะมีเวลาอะไรรายงานเรื่อง “ธัมมชโย” อีก
