สถานการณ์ปรับครม. “ประยุทธ์ 5” ทำให้สำนวนไทยที่ว่า “รักพี่ เสียดายน้อง” และ “ลูบหน้าปะจมูก” ได้รับการกล่าวขานถึงอย่างกว้างขวาง

แม้สังคมจะเหยียบบาทก้าวเข้าไป “ไทยแลนด์ 4.0” แล้วก็ตาม

ยิ่งมีข่าวอันบ่งชี้ว่าจะมีการ “แซะ” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คงเหลือเพียง “รองนายกรัฐมนตรี” ตำแหน่งเดียว

ยิ่งทำให้เกิดอาการวูบวาบภายใน “คสช.”

เพราะสถานะของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นอย่างไร ไม่ว่านอกหรือในแวดวง “ทหาร” ย่อมรับรู้กันอยู่เป็นอย่างดี

จากความโดดเด่นในสมญา “พี่ใหญ่”

มีความจำเป็นที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องออกมายืนยันว่า ไม่มีการปรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกจากตำแหน่งในกระทรวงกลาโหมอย่างเด็ดขาด

สะท้อนว่าแรง “แซะ” นั้นหนักหนา สาหัส

ไม่เพียงแต่จะ “แซะ” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เท่านั้น หากเลเพลาดพาดไปยัง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ เข้าไปอีก

ทำให้บริเวณหน้าห้อง “รัฐมนตรี” ต้องคึกคักเป็นพิเศษ

เฉพาะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็มี “มวลชน” ยกป้าย ถือดอกกุหลาบแดงไปมอบให้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ เกือบจะเป็น “รายวัน” 3 วัน 3 ระลอกติดต่อกัน

แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะปลดออกได้อย่างไร

หากมองไปยัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา นั่นเป็นพี่ หากมองไปยัง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ นั่นเป็นเพื่อน

ทั้งพี่ ทั้งเพื่อน ร่วม “รัฐประหาร” มาด้วยกัน

เมื่อคำนึงจากสภาพความเป็นจริงทาง “การทหาร” ประสานเข้ากับสภาพความเป็นจริงทาง “การเมือง” เช่นนี้

เสียงเพลง “เลือดสุพรรณ” ย่อมกระหึ่ม

องค์ประกอบของรัฐบาลที่มาด้วยกัน เป็นเพื่อนกันอย่างนี้นี่เองที่ทำให้ระยะเวลาการปรับครม.ทอดยาวจากวันที่ 2 พฤศจิกายน เรื่อยมากว่า 3 สัปดาห์

เป็น 3 สัปดาห์ซึ่งยังไม่มี “คำตอบ” แจ่มชัด

อย่าไปตำหนิ “สื่อ” เลย อย่าเหล่ตามองบรรดา “นักการเมือง” ที่ออกโรงมาเสนอแนะเลย ทุกฝ่ายล้วนทำไปตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น

เป้าหมายสูงสุดก็คือ อยากให้ “ประยุทธ์ 5” ออกมาดี

ดีในที่นี้ 1 ก็คือ ได้คนดี เด่น ดัง เข้ามาร่วมกับรัฐบาลอันสะท้อนคะแนนและความนิยม และ 1 เป็นคนดี เด่น ดัง อันเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพในเชิงการบริหาร

สร้างผลงานและความสำเร็จยิ่งกว่า 3 ปีที่ผ่านมา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน