ภายหลังจากการชุมนุม ณ สกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน เมื่อตอนค่ำของวันที่ 27 มกราคม ของกลุ่มที่เรียกตนเองว่า Start Up People แล้ว
มีวันสำคัญอีก 3 วันที่อยู่ในความสนใจ
1 คือ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ อันเป็นวันที่กำหนดให้ไปรายงานตัวตาม “หมายเรียก” ของเจ้าพนักงานสอบสวนแห่งสน.ปทุมวัน
ปรากฏว่า วันที่ 2 กุมภาพันธ์ มีจำนวนหนึ่งไป แต่ไม่มีอะไร
ต่อมา จึงกำหนดให้วันที่ 8 กุมภาพันธ์ เป็นวันรายงานตัว โดยเจ้าพนักงานสอบสวนถือว่าเป็น “หมายเรียก” ครั้งที่ 2 ขณะที่ผู้ถูกกล่าวหายังไม่เห็นด้วยเท่าใดนัก
จากนั้นก็จะเข้าไปสู่วันที่ 10 กุมภาพันธ์
ความจริง ข้อโต้แย้งของเจ้าพนักงานสอบสวนกับผู้ถูกกล่าวหาเกิดขึ้นและดำรงอยู่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์แล้ว
สัมผัสได้จากคำชี้แจงของ น.ส.ณัฎฐา มหัทธนา
ทนายความได้รับแจ้งจากพนักงานสอบสวนว่า หากไปรายงานตัวตามหมายเรียกครั้งที่ 1 อาจจะถูกส่งฝากขังหากศาลอนุมัติการฝากขังก็ต้องประกันตัว
แต่ทั้ง 39 คนไม่มีใครเตรียมเอกสารหรือเงินสำหรับประกันตัว
ทนายความจึงแนะนำให้ทุกคนเซ็นหนังสือเลื่อนการรายงานตัว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับหนังสือและออกหมายเรียกครั้งที่ 2
ปมตรงนี้จึงมากด้วยความละเอียดอ่อน
เมื่อนำเอา “ความเข้าใจ” ที่แตกต่างกันระหว่างเจ้าพนักงานสอบสวนกับทางด้านผู้ถูกกล่าวหาจึงเห็นว่าเหตุการณ์ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ จะกลายเป็นอีกประเด็นอันร้อนแรง
เพราะตำรวจถือว่าเป็น “หมายเรียก” ครั้งที่ 2
ขณะที่ทางด้านผู้ถูกกล่าวหา ทนายความแนะนำให้ทุกคนเซ็นหนังสือ “เลื่อน” การรายงาน อันเท่ากับว่ายังคงเป็น “หมายเรียก” ครั้งที่ 1 อยู่
ปมเงื่อนอยู่ตรงที่การแสดงออกของ “ตำรวจ”
การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมรับหนังสือ “เลื่อน” การรายงานตัว จึงนำไปสู่การออก “หมายเรียก” ครั้งที่ 2 อันเท่ากับเหยียบบาทก้าวเข้าใกล้ “หมายจับ” มากยิ่งขึ้น
จึงอ่านเกมออกว่าเป้าหมายแท้จริงอยู่ที่ไหน
ทั้งหมดนี้เป็นเกมในแบบ “ชักเย่อ” ระหว่างเจ้าพนักงานสอบสวนกับผู้ถูกกล่าวหา โดยรับรู้กันโดยปริยายว่าเป้าหมายย่อมเป็นวันที่ 10 กุมภาพันธ์
“ตำรวจ” ก็คิดอย่าง “ผู้ถูกกล่าวหา” ก็คิดอย่าง
ที่แน่นอนก็คือ หาก 39 คนที่ถูก “หมายเรียก” สามารถเคลียร์ได้โดยไม่บานปลายกลายเป็น “หมายจับ” นั่นคือ ความสำเร็จอย่างน้อยก็ขั้นหนึ่ง
แต่จะเป็นไปตาม “เป้าหมาย” หรือไม่ยังต้องรอดู