วิเคราะห์การเมือง
สถานการณ์ที่ “พิจิตร” กำลังจะกลายเป็น “ฝันร้าย” ของ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ไม่ว่าจะในสถานะแห่งความเป็น “โฆษก” ไม่ว่าจะในสถานะแห่งความเป็น
“มนุษย์”
หลายคนยัง “จำ” ได้
1 เมื่อมีวิกฤตอันเนื่องแต่ “ราคาข้าว” ปะทุขึ้น บทสรุป 1 อันมาจากการแถลงของ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด คือ
ปัญหานี้เกิดจาก “การสมคบคิด” ของ โรงสีและกลุ่มการเมืองและเน้นไปยัง “พิจิตร”
ขณะเดียวกัน 1 เมื่อปรากฏมีข่าวการผูกคอตายของชาวนาที่พิจิตรขึ้น การยืนยันอย่างเฉียบขาดของ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด คือ
ไม่ใช่ “ชาวนา” หากแต่เป็น “ช่างแอร์”
คำถามที่เสนอเข้ามาอย่างต่อเนื่องก็คือ เหตุใด พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด จึงเชื่อและยืนยันอย่างหนักแน่นในเรื่อง สาเหตุแห่ง “ราคาข้าว” และพื้นฐานแห่งอาชีพของผู้ตาย
คำตอบที่ตรงเป้าที่สุดก็คือ “การข่าว”
การข่าวในพื้นที่นั้นเอง ทำให้ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ยืนยันสาเหตุ 1 ของวิกฤตอันเนื่องแต่ราคาข้าวว่าเป็นเพราะการสมคบคิดของโรงสีกับกลุ่มการเมือง
จึงมองเห็นวิกฤตที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาทางการเมือง
ขณะเดียวกัน เมื่อจุดเริ่มต้นแห่งวิกฤตมาจากพื้นที่ของ “พิจิตร” พลันที่เกิดกรณีผูกคอตายบนต้นจามจุรีกลางทุ่งนา
จึงเห็นว่าเป็นประเด็น “การเมือง” เป็นเรื่องของการ “สร้างข่าว”
จึงเริ่มกลัดกระดุมเม็ดแรกจาก “การเมือง” เสียแล้ว พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด จึงเดินหน้าไปในเส้นทาง “การเมือง” โดยแทบมิได้ให้ความสนใจกับเรื่องของดีมานด์ ซัพพลาย เรื่องของอุปสงค์ เรื่องของอุปทาน
กระดุม “เม็ดแรก” ผิด กระดุม “เม็ดหลัง” ก็ผิด
เนื่องจากให้น้ำหนักไปยังการสมคบคิดของโรงสีกับกลุ่มการเมือง เสียงท้วงติงและอธิบายจากสมาคมโรงสีข้าวไทยจึงแทบไม่มีความหมาย
ปฏิกิริยาจาก “โรงสี” จึงต้องปรากฏขึ้น
การร่วมกันลาออกจากคณะกรรมการของคณะกรรมการสมาคมโรงสีข้าวไทยจึงเท่ากับเป็นการประท้วงโดยตรง
ไปยังบทสรุปของ 1 รัฐบาล และ 1 คสช.
ความเป็นจริงก็คือ แม้จะส่งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เข้าตรวจค้นโรงสีโดยเฉพาะที่พิจิตร ก็ไม่ปรากฏมูลเชื้ออะไร
ที่สุดก็ต้องมีคำ “ขอโทษ” ปรากฏตามมา
กรณีของ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด จึงเป็นเรื่องของ “การข่าว” ไม่ว่าการข่าวทหาร ไม่ว่าการข่าวพลเรือน
การข่าวทหารนำไปสู่การเพ่งเล็งอย่างเป็นพิเศษที่ “พิจิตร” การข่าวพลเรือนแม้จะรายงานมาอย่างครบถ้วน แต่ทหารก็เลือกที่จะเชื่ออย่างที่ตัวเองอยากเชื่อ
สภาพขว้างงูไม่พ้นคอ จึงอึกทึกครึกโครมอย่างยิ่ง
