ปรากฏการณ์การใช้ “พลังดูด” ของพรรคคสช.ผ่านกรณี นายสกลธี ภัททิยกุล ผ่านกรณี นายสนธยา คุณปลื้ม กำลังสร้างความตื่นตะลึงเป็นอย่างสูง

ไม่เพียงแต่จากบรรดา “กองหนุน”

หากแม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคภูมิใจไทย ก็เริ่มบังเกิดอาการงงงวยไม่แน่ใจ

นั่นเป็นเพราะไม่เข้าใจ “ธาตุแท้” ของพรรคคสช.

นั่นเป็นเพราะยึดติดกับ “ถ้อยคำ” อันโอ่อ่าอันมาพร้อมกับรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 มากจนเกินไป

เมื่อโฉมหน้าที่ประแป้งแต่งตัวหลุดร่วงจึงตกใจ

ยิ่งสำหรับกลุ่มคนที่เคยเป่า “นกหวีด” ประสานเสียงกับ “ลุงกำนัน” ในนามของ “มวลมหาประชาชน” อันไพศาล ยิ่งปรับตัวได้ยากลำบาก

สงสัยว่านี่คือ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” จริงละหรือ

บรรดาคนที่เคยเข้าร่วมการต่อสู้ทางการเมืองตั้งแต่สถานการณ์เดือนตุลาคม 2516 และเข้าร่วมกับทั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต่อเนื่องมายัง “กปปส.”

อาจประสบปัญหาในการวิเคราะห์และสรุป

เป็นไปได้หรือที่ระบอบ “ประชาธิปไตยสมบูรณ์” ที่เคยเรียกร้องต้องการกลับย้อนกลับมาเดินรอยเดียวกันกับของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม จอมพล ส.ธนะรัชต์ และโดยเฉพาะ จอมพล ถ.กิตติขจร

เป็นไปแล้วและสัมผัสได้อย่างเป็นรูปธรรม

หาก “มวลมหาประชาชน” ไม่เคยด่าว่า “นักการเมือง” มาก่อน หากรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ไม่เคยแสดงความรังเกียจ “นักการเมือง” มาก่อน

การกวักมือเรียกนักการเมืองจาก “ซุ้มชลบุรี” ก็ไม่แปลก

การเดินทางไปเยี่ยมเยียนนักการเมืองน้ำดีจาก “ซุ้มนครปฐม” หรือนักการเมืองน้ำดีจากสุโขทัยและนครราชสีมาก็มิได้เป็นเรื่องแปลกอย่างพิสดาร

ใครๆ เขาก็ทำกัน

ยิ่งการเปิดโปรแกรม “ครม.สัญจร” ไปยังบุรีรัมย์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แสงแห่งสปอตไลต์ยิ่งฉายจับว่า “พรรคคสช.” จะผนึกตัวรวมพลังอย่างไร

ทุกอย่างล้วนเพื่อเป็นหลักประกันในการต่อท่อแห่ง “อำนาจ”

กล่าวสำหรับพรรคเพื่อไทยอาจไม่ตื่นตระหนกเท่าใดนัก เพราะถูกรุกไล่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 มายังหลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557

มีก็แต่พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่งวยงง

งวยงงและมีความจำเป็นต้องปรับ “ยุทธวิธี” ให้เหมาะสมว่าจะดำเนินกระบวนท่าอย่างไรจึงจะสามารถสร้างบทบาทและความหมายของตนได้

มิเช่นนั้นอาจต้องไหลไปรวมกับ “พรรคคสช.”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน