ทะลุคน ทะลวงข่าว

ด้วย “อภินิหารของกฎหมาย” รัฐบาลสั่งกรมสรรพากรเก็บภาษีเงินได้จากครอบครัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากกรณีขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้กลุ่มเทมาเส็กเมื่อวันที่ 23 ม.ค.2549 อันเป็นคดีที่จะขาดอายุความในวันที่ 31 มี.ค.นี้

ประเด็นที่เป็นปัญหาเกิดจากนายพานทองแท้ และน.ส.พินทองทา ชินวัตร ซึ่งอ้างว่าเป็นนอมินีนายทักษิณ นำหุ้นชินคอร์ปที่ซื้อมาจากบริษัทแอมเพิลริช 329.2 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1 บาท มาขายต่อให้เทมาเส็กหุ้นละ 49.25 บาท ซึ่งส่วนต่างจากราคาซื้อ-ขายนอกตลาดหลักทรัพย์นี้ต้องเสียภาษีเงินได้ราว 1.6 หมื่นล้านบาท

นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ดูแล

“ในที่ประชุมครม. นายวิษณุใช้คำว่าทำไม่ได้ แต่ทำได้ด้วยอภินิหารของกฎหมาย มุมแบบนี้คงไม่สามารถคิดออกได้ด้วยใครคนใดคนหนึ่ง แต่การประชุมได้เชิญเกจิอาจารย์ที่เกี่ยวข้องมาจึงคิดออก” โฆษกรัฐบาลกล่าว

วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ชี้แจงว่าเรื่องนี้ถ้ารัฐบาลเพิกเฉยละเลยจนขาดอายุความก็จะถูกกล่าวหาว่าช่วยเหลือกัน ผิดม.157 แต่พอเริ่มดำเนินการก็จะถูกมองว่าเป็นการไล่บี้จี้คนคนเดียว ถูกต่อว่าได้ไปตั้ง 46,000 ล้านบาทแล้วยังไม่พอ ยังจะเอาอีก ถูกมองว่าเป็นการกลั่นแกล้ง ขัดหลักนิติธรรม

ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงไม่หลวมตัวไปออกม.44 แต่ให้ดำเนินการไปตามกฎหมายปกติ

รองนายกฯ บอกด้วยว่า ถ้าไปดูคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งได้วินิจฉัยไว้แล้วว่าเรื่องนี้ไม่สุจริต ศาลจึงสั่งยึดทรัพย์ 46,000 ล้านบาทนั้น เมื่อตั้งต้นว่าไม่สุจริตแล้วก็ต้องเสียภาษี

คู่บุญ คสช. นิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมดีมาก เหรียญทองพระราชทาน) จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเนติบัณฑิตไทย ปริญญาโทกฎหมายและปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ สหรัฐอเมริกา

ความเมืองเรื่องพระสงฆ์องคเจ้าก็ดูแลอยู่ และล่าสุดเป็นหัวหอกรุกรบเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปฯ

ย้ำชัด เป็นอภินิหารทางกฎหมาย เพราะเจอช่องทางที่สมควรจะเสี่ยงดูในเรื่องที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้

 

นายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมายนายทักษิณ โต้แย้งว่าตามที่ผู้นำในรัฐบาลให้สัมภาษณ์ว่าจะมีการประเมินเรียกเก็บภาษีจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เกี่ยวกับการขายหุ้นชิน คอร์ป ซึ่งคงหมายถึงหุ้นจำนวน 329.2 ล้านหุ้น ที่รวมขายให้แก่กลุ่มเทมาเส็กในปี 2549 นั้น ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการประเมินภาษีจากเงินได้ส่วนใด จากธุรกรรมตอนใด และจะอาศัยกฎหมายข้อใด

กฎหมายชี้ชัดขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่เสียภาษี แถมเงิน 4.6 หมื่นล้านก็ถูกยึดแล้ว

ย้ำ การขายหุ้นชินคอร์ปเกิดขึ้นมาสิบปีแล้ว ผ่านมาหลายรัฐบาล แม้แต่รองนายกฯ ก็ยังให้สัมภาษณ์ในสื่อต่างๆ ว่า เรื่องนี้ยังไม่แน่ชัดว่าใครผิดใครถูก เพราะกรมสรรพากรระบุอาจดำเนินการไม่ได้ ตนว่าประเด็นในเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องอายุความว่าจะขาดหรือไม่ แต่ประเด็นหลักคือการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้รับยกเว้นภาษีตามกฎหมาย

ดังนั้น จึงไม่เข้าใจว่าจะมีการประเมินภาษีบนพื้นฐานข้อกฎหมายใด กรมสรรพากรซึ่งเป็นหน่วยงานจัดเก็บภาษีของประเทศเป็นผู้มีความรู้เรื่องกฎหมายภาษีเป็นอย่างดี

มือกฎหมาย นิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับสอง) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับสอง) มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ปริญญาโทนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยลอนดอน และเนติบัณฑิตอังกฤษ

บอกไว้ หวังว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะปฏิบัติหน้าที่โดยชอบและดำเนินการเรื่องนี้ตามกฎหมายและหลักนิติธรรม และยึดหลักความเท่าเทียมเสมอภาคกับทุกคน

 

ยังมีคำถามจาก พานทองแท้ ชินวัตร บุตรนายทักษิณ ว่าเรื่องซื้อ-ขายหุ้นชินฯ จบไปเมื่อ 8 ปีที่แล้วด้วยคำตัดสินของศาล วันนี้รัฐบาลต้องการเอาอะไรจากครอบครัวตนอีก

โพสต์เฟซบุ๊กว่า หากจะมองว่าเป็นการกระทำผิด การจะพิจารณาดำเนินการเอาผิด กระทำได้ใน 2 กรณี

“กรณีที่ 1 ถ้าการที่คุณพ่อขายหุ้นให้กับผมเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ศาลพิจารณาว่าเป็นการซื้อ-ขายจริง เท่ากับว่าหุ้นนั้นตกเป็นของตนแล้ว ตนซื้อมาที่ราคาต่ำ ขายไปราคาสูงกว่า เมื่อตนมีกำไรจากการขายหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ หากจะฟ้องร้องเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นในครั้งนั้น ก็น่าจะพอรับฟังได้ เพราะศาลได้ชี้ว่ามีการซื้อ-ขายกันจริง แต่หากการพิจารณาออกมาในแนวทางนี้ ก็จะถือว่าหุ้นดังกล่าวเป็นของตน ไม่ใช่ของพ่อ กรณีดังกล่าวก็จะยึดทรัพย์คุณพ่อ 46,000 ล้านไม่ได้ นั่นคือกรณีที่ 1 ซึ่งมันไม่ได้เกิดขึ้นจริง เพราะศาลได้ตัดสินยึดทรัพย์คุณพ่อไปเรียบร้อยแล้ว”

“กรณีที่ 2 กรณีนี้คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ที่ศาลพิจารณาว่าคุณพ่อไม่ได้ขายหุ้นนั้นให้กับผม และตีความว่าหุ้นดังกล่าวนั้นยังคงเป็นของคุณพ่ออยู่ ศาลจึงได้ตัดสินให้ยึดเงินจำนวน 46,000 ล้านไป ตรงนี้แสดงให้เห็นว่า ในแนวทางการวินิจฉัยนั้น สรุปว่ามิได้มีการซื้อขายที่เป็นมูลเหตุให้ต้องเสียภาษีเลย ทรัพย์สินก็ถูกยึดไปตามจำนวนที่ศาลได้พิจารณาว่าเหมาะสมในการเอาผิดแล้ว เรื่องนี้มันจบไปเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ได้มีคำตัดสินไปในแนวทางที่ไม่มีการซื้อ-ขาย ไม่มีการเรียกภาษีกันแล้ว และมีการเอาผิดไปเรียบร้อยแล้วด้วยการยึดทรัพย์ไปเป็นจำนวนมหาศาลถึง 46,000 ล้านบาท”

บุตรชายอดีตนายกฯ สถานภาพนักธุรกิจ

โพสต์ข้อความแสดงทัศนะทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง รวมถึงคำถาม รัฐบาลยังต้องการเอาอะไรจากครอบครัวผมอีก

ยังมีน้ำตาจากผู้เป็นอา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ “ขอให้เห็นใจกันบ้าง”

ระบุว่า เราคงไม่อยากได้ยินคำว่าอภินิหารทางกฎหมาย เราอยากเห็นการใช้กฎหมายด้วยความสุจริตและความเป็นธรรม และถ้าเป็นการไล่ล่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่เกิดความเสมอภาค ก็ไม่เห็นว่าอนาคตข้างหน้าจะเดินหน้าไปได้อย่างไร

ต้องรอดูต่อไป เพราะกรณีนี้น่าจะจบลงที่ศาล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน