คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม : อย่าให้ต้องมุดไปอยู่ใต้ดิน – โดย…รุก กลางกระดาน

อย่าให้ต้องมุดไปอยู่ใต้ดิน : อธิบายอย่างไรก็ไม่สามารถเข้าใจได้จริงๆ สำหรับการยืดอายุการใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอีก 1 เดือน โดยไปสิ้นสุดเอาวันที่ 31 ก.ค.

อ้างว่าเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด โควิด-19 และปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสกัดกั้นทางการเมืองแต่อย่างใด

เพราะแน่นอนว่าแม้จะยังไม่มีวัคซีนรักษาโควิดออกมา แต่สถานการณ์ในประเทศก็ลดระดับ ตรวจสอบแล้วไม่เจอผู้ติดเชื้อในประเทศติดต่อกันมาเดือนกว่า

จะมีก็แต่ในต่างประเทศที่ยังระบาดอย่างรุนแรง แต่ก็ยังเตรียมแผนปลดล็อกเปิดการท่องเที่ยวเฉพาะเมือง ให้นักธุรกิจต่างประเทศเดินทางมาได้ เพื่อที่จะฉุดรั้งการท่องเที่ยว และธุรกิจภาคบริการไม่ให้ดิ่งลงเหวมากไปกว่านี้

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อไปดูที่ ‘ไอลอว์’ รวบรวมข้อมูลมา ก็พบว่ามีอย่างน้อย 6 คดีทางการเมืองที่ถูกดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ประกอบด้วย 1.การจัดกิจกรรมรำลึก 10 ปีการเสียชีวิตของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง 2.การจัดกิจกรรมระดมทุนวันครบรอบ 6 ปี รัฐประหาร

3.การจัดกิจกรรมทวงความยุติธรรมให้นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ที่ถูกอุ้มหายไป ที่หน้าสถานทูตกัมพูชา

4.กป.อพช.ยื่นหนังสือเรียกร้องความยุติธรรมให้นายวันเฉลิม ที่สถานทูตกัมพูชา 5.นักกิจกรรมจัดกิจกรรมใครสั่งอุ้ม ‘วันเฉลิม’ และ 6.สนท.จัดกิจกรรม #save วันเฉลิม ที่สกายวอล์กปทุมวัน
ทั้งหมดมีผู้ต้องหา 23 คน ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับเรื่องโควิด

ที่ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวกับการเมืองจึงฟังไม่ขึ้น
และเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องยอมรับได้แล้วว่าความเห็นต่างที่เกิดขึ้นในสังคมเป็นเรื่องปกติ ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็น

ซึ่งดีเสียอีกที่การเคลื่อนไหวออกมาในลักษณะเปิดเผย

หากกดดันมากขึ้นจนอดรนทนไม่ได้ การเคลื่อนไหวบนดินถูกสกัดกั้น จนต้องมุดลงใต้ดิน แล้วอะไรจะเกิดขึ้น อาจจะนำไปสู่ความรุนแรงที่ควบคุมไม่ได้

แล้วรัฐบาลที่ผลักดันให้เกิดขึ้นจะรับผิดชอบอย่างไร

คงต้องมีสติคิดให้ดีๆ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน