ที่มา Thaigamewiki

PlayStation VR หรือ PSVR นั้นวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการสู่สาธารณะเมื่อเดือนตุลาคม 2016 และจากวันนั้นจวบจนวันนี้ก็มีหลากหลายเกมที่วางตลาดและรองรับ PSVR ให้เกมเมอร์ได้เลือกซื้อไปเล่นกัน เกมที่โด่งดังที่สุดและใช้ประโยชน์จาก PSVR ได้คุ้มค่าที่สุดคงหนีไม่พ้น Resident Evil 7 ที่เปลี่ยนแนวเกมเป็นมุมมองบุคคลที่ 1 ซึ่งเอื้อต่อการสวมแว่น PSVR แล้วสัมผัสประสบการณ์สยองแบบเต็มๆ ตา แต่ถ้าจะให้กล่าวไปแล้ว คงปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยความรู้สึกประชิดติดใกล้เสมือนว่าตัวละครอยู่ใกล้เราจนแทบจะชนจมูกนั้น แนวเกมที่เหมาะสมกับการเล่น PSVR ที่สุดก็หนีไม่พ้นแนวสยองขวัญนี่เอง Stifled เองก็เป็นเกมที่พัฒนามาในแนวทางนั้น

แต่แล้วถ้าเป็นแบบนั้น Stifled จะต่างกับเกมอื่นๆ ที่เคยวางจำหน่ายมาแล้วอย่างไรบ้างล่ะ?

เนื้อเรื่อง

ในเกมนี้เราจะรับบทเป็นเดฟ ริดลีย์ ชายหนุ่มผู้มีอนาคต มีบ้านหลังใหญ่โอ่โถง มีภรรยาแสนสวยอย่างโรส ริดลีย์ และลูกสาววัยแบเบาะ ทว่าชีวิตอันแสนสุขสมบูรณ์ของเขากลับมีอันต้องแปรผัน เขากลับต้องเผชิญกับอะไรบางอย่างที่จ้องเล่นงานเขาในความมืดมิด เดฟไม่อาจต่อกรกับพวกมันได้จึงได้แต่คอยหลบหนีจนนำไปสู่บทสรุปสุดท้ายที่ผู้เล่นจะคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว

คงต้องกล่าวว่าเนื้อหาในเกมเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้รีวิวเองนั่งเล่นต่อไปเรื่อยๆ เพราะอยากรู้การคลายปมของเกมว่าสุดท้ายแล้วทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคืออะไร แน่นอนว่าแม้จะจบเกมแล้วแต่ทุกอย่างก็ไม่ได้กระจ่างแจ้งแบบเอาเนื้อหามาแบให้เราดูกันโต้งๆ หรอกครับ เพราะเกร็ดย่อยรวมถึงเนื้อหาเบื้องหลังที่ช่วยให้เราเข้าใจตัวเกมมากขึ้นจะแฝงอยู่ในเอกสารต่างๆ หรือไม่ก็วัตถุต่างๆ ในเกมที่เราสามารถหยิบจับขึ้นมาสำรวจได้ เราจะต้องมีหน้าที่คอยปะติดปะต่อเรื่องราวในเกมเอาเองว่าเหตุการณ์ต่างๆ มีที่มาที่ไปอย่างไร หากคุณเป็นเกมเมอร์สายที่ชอบถกชอบคุยเรื่องเนื้อหาของเกมแล้วล่ะก็ เกมนี้น่าจะช่วยให้คุณมีเรื่องได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับเพื่อนๆ เกมเมอร์ด้วยกันแน่นอน









Advertisement

เกมเพลย์

สำหรับส่วนนี้คงต้องบอกว่ามีทั้งส่วนที่ชอบและส่วนที่ไม่ชอบครับ

มาว่าถึงสิ่งที่ชอบกันก่อน สิ่งที่ทำให้ Stifled แตกต่างจากเกมสยองขวัญมุมมองบุคคลที่ 1 อื่นๆ ก็คือในเกมนี้เป็นเกมที่เราไม่สามารถต่อสู้ใดๆ กับสิ่งที่จะเข้ามาทำร้ายเราได้เลย

อ้าว? แล้วมันต่างยังไงกับเกมที่เคยออกมาก่อนอย่าง Outlast หรือไม่ก็ SOMA หรือหลายๆ เกมก่อนหน้านั้น?

สิ่งที่ต่างก็คือเกมนี้จะมีช่วงจังหวะที่ตัวเราตกอยู่ในความมืดมิดชนิดที่มองอะไรไม่เห็นเลยครับ การที่เราจะเดินทางในความมืดได้มีเพียงประการเดียวนั่นคือเราต้องสร้าง “เสียง” เพื่อให้เสียงของเราสะท้อนกับวัตถุต่างๆ แบบโซนาร์แล้วเราจึงจะรู้ได้ว่าควรต้องไปตรงไหนต่อ หากแต่ปัญหาคือในความมืดก็มีบางสิ่งที่คอยจับเสียงของเราแล้วเข้ามาจู่โจมเช่นกัน ความรู้สึกที่อาจโดนพบตัวหากเราทำอะไรบางอย่างจนเกิดเสียงแต่ถ้าไม่สร้างเสียงก็มองทางไม่เห็นนี่ชวนกดดันได้ดีทีเดียวครับ


หนึ่งในตัวประหลาดของเกม

ซึ่งวิธีการก่อให้เกิดเสียงนั้นก็มีหลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเกิดจากการกระทำของเราในเกม เช่น การเดินบนพื้นผิวที่เสียงก้อง การหยิบของมาปา เป็นต้น แต่วิธีที่ผมคิดว่าสร้างสรรค์ที่สุดก็คงไม่พ้นการพูดใส่ไมค์นี่ล่ะครับ การทำเสียงอะไรก็แล้วแต่เข้าไมค์จะเสมือนว่าตัวละครเดฟของเราเป็นคนพูดในเกม แน่นอนว่าจะช่วยให้เรามองเห็นทางได้เช่นกัน แต่ถ้าจังหวะที่ตกใจจนอุทานอะไรออกมาก็อาจทำให้ตกที่นั่งลำบากได้เหมือนกัน

แต่ก็ใช่ว่าตัวเกมจะมีแต่ความมืดมิดตลอดเกม เพราะยังมีส่วนที่เป็นฉากปกติให้ได้เดินสำรวจบ้างโดยวัตถุประสงค์ของฉากพวกนี้ก็คือทำหน้าที่ในการเล่าเรื่องราวของเกมครับ บรรดาเอกสารต่างๆ ที่สามารถอ่านได้จะอยู่ในฉากปกติทั้งนั้น รวมถึงวัตถุที่เราสามารถสำรวจได้ด้วย แต่เทียบกันแล้วฉากมืดก็ยังคงมีสัดส่วนที่มากกว่าอยู่ดี (คิดว่าน่าจะประมาณ 7 ส่วนเป็นฉากมืด อีก 3 ส่วนเป็นฉากปกติ)


บ้านแสนสุข (?) ของเดฟ

แล้วส่วนที่ไม่ชอบล่ะ? เกมสไตล์สยองขวัญที่เน้นลอบเร้นและหลบหนีแบบเกมนี้หรือเกมอื่นๆ สำหรับผมแล้วการที่ไม่สามารถต่อสู้ได้ไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าไหร่นัก (เพราะเกมตั้งใจออกแบบมาแบบนั้น) แต่จุดที่ขัดใจที่สุดก็คือสปีดในการเดินของเรานี่ล่ะครับ รูปแบบการเคลื่อนไหวของเราในเกมนี้มีอยู่แค่สองแบบ นั่นคือเดินปกติกับย่อตัวเดิน ซึ่งทั้งสองอย่างนั้นช้ามาก แค่เดินปกติก็ว่าช้าแล้วพอย่อตัวเดินยิ่งช้าเข้าไปใหญ่ ซ้ำร้ายเกมนี้ยังไม่สามารถกด sprint ได้เหมือนเกมอื่นๆ ทำให้หลายจังหวะผมเองก็หัวเสียบ่อยๆ เพราะความนวยนาดของตัวละครครับ เหมือนว่าไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งที่มีตัวประหลาดกำลังวิ่งไล่เอาชีวิตอยู่ แทนที่จะวิ่งหนีลนลานกลับเดินทอดน่องสบายใจ หากใครชินกับเกมมุมมองบุคคลที่ 1 ที่มีการเคลื่อนไหวรวดเร็วฉับไว มาเล่นเกมนี้อาจมีหงุดหงิดได้แน่


กราฟิก

ก่อนอื่นเลยก็คงต้องบอกว่าหากใครหวังกราฟิกงามหยดย้อย เกมนี้ไม่มีให้คุณครับ ด้วยความที่เป็นเกมสเกลอินดี้ โมเดลต่างๆ จึงอยู่ในระดับที่ดูได้ ไม่ได้มีความละเอียดสูงมากชนิดที่ว่าจะต้องเห็นลวดลายของผืนผ้าขนาดนั้น (ซึ่งก็ไม่จำเป็นเพราะส่วนใหญ่เกมมันก็มืดอยู่แล้ว) แต่ถ้าจะมีอะไรที่ชวนขนลุกได้ดีก็คงเป็นพวกมอนสเตอร์ในเกมครับ ในฉากมืดนี่เราจะไม่มีทางได้เห็นรายละเอียดต่างๆ ของตัวมอนสเตอร์เลย จะเห็นแต่เพียงโครงร่างแบบ wireframe เท่านั้น แต่การทำแค่เพียงโครงร่างแบบนี้กลับช่วยทำให้รู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจเวลามองเห็นได้มากกว่าการเห็นรายละเอียดแบบชัดเจนเสียอีก อาจเพราะในหัวเราจินตนาการรายละเอียดไปไกลเกินกว่าภาพที่เห็น จึงทำให้เกมนี้แม้ว่ากราฟิกจะไม่ได้เลิศเลอแต่การนำเสนอก็ทำออกมาได้สมกับเป็นเกมสยองขวัญครับ


รายละเอียดไม่ต้องชัดเจน แต่ก็ทำให้ขนลุกได้

 


รูปทรงที่ดูไม่สมมาตรกับความมืดที่มองอะไรไม่ชัด
เมื่อรวมกันก็ทำให้เกิดความรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก


เสียงประกอบ

เสียงประกอบในเกมนี้ช่วยกระตุ้นบรรยากาศความอึดอัดและน่าขนลุกออกมาได้ดีครับ โดยเฉพาะเสียงกรีดร้องหรือเสียงของตัวมอนสเตอร์ที่เสียดหู ได้ยินแล้วชวนให้ไม่สบายใจและกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที และหลายช่วงก็ใส่เสียงประกอบเข้ามาในจังหวะที่เราไม่ทันระวังตัวก็ทำให้แอบสะดุ้งได้เหมือนกัน

ที่สำคัญคือเกมนี้มีเสียงพากย์ไทยเต็มรูปแบบด้วยครับ แม้ว่าคุณภาพในการพากย์เสียงจะไม่ได้ดีเลิศและเสียงเดฟก็ติดเก๊กหล่อเกินไป แต่ก็ถือว่าเป็นอะไรที่อำนวยความสะดวกให้เกมเมอร์ไทยได้ดีเลยทีเดียวครับ และยังทำให้มีความหวังว่าต่อไปจะมีเกมที่รองรับภาษาไทยมากขึ้น


ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่รู้เนื้อเรื่องอีกต่อไป


สรุป

หากคุณกำลังมองหาเกมที่จะมาใช้ประโยชน์จาก PSVR และคุณชื่นชอบเกมแนวสยองขวัญ เกมนี้ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี แต่แม้คุณจะไม่มี PSVR ก็สามารถเล่นเกมนี้ได้เช่นกันแค่ว่าอาจขาดอรรถรสบางอย่างไปบ้าง ด้วยราคาขาย 690 บาท ถือเป็นเกมที่เล่นได้เพลินๆ สมราคาและสมคุณภาพครับ

คะแนน

7 ⁄ 10

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน