น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ได้รับผลบวกจากภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่สองยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรกจากปัจจัยการผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 วาระแรกซึ่งมีกรอบวงเงิน 3 ล้านล้านบาท เป็นขาดดุลงบประมาณ 4.5 แสนล้านบาท บนสมมติฐานเศรษฐกิจไทยในปี 2562 จะขยายตัวได้ 3.9-4.9%

โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญจากการใช้จ่ายในประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง การใช้จ่ายภาคครัวเรือน การลงทุนของภาคเอกชน และความคืบหน้าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐที่เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการก่อสร้าง ตลอดจนการส่งออกและการท่องเที่ยวที่เติบโตได้ดีตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า รวมถึง การส่งออกของไทยในปี 2561 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากเศรษฐกิจของทั้งประเทศคู่ค้าหลักและรองยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มูลค่าการส่งออกปีนี้เติบโตราว 8-9%

ส่วนปัจจัยที่ยังคงกดดันภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ มาจากสงครามการค้าโลกระหว่างสหรัฐฯและประเทศคู่ค้า อาทิ สหภาพยุโรป (EU) แคนาดา เม็กซิโก จีน หลังสหรัฐประกาศใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม การที่สหรัฐ อาจยกเลิกข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ทำให้ประเทศคู่ค้าเตรียมใช้มาตรการตอบโต้สหรัฐฯ ในด้วยมาตรการขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ประกอบกับการประชุมธนาคารกลางสหรัฐกลางสัปดาห์นี้มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% จากระดับ 1.50-1.75% เป็น 1.75-2%

นอกจากนี้ ปัจจัยที่ยังคงกดดันภาวะหุ้นไทย มาจาก ราคาน้ำมันชะลอตัวจากระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี จากความกังวลถึงกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น รวมถึง fund flow ไหลออกต่อเนื่อง ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติ 6.8 พันล้านบาท และดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค. 2561 ปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือนจากความกังวลราคาน้ำมัน ราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ และกังวลปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน

สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 12 มิ.ย. กำหนดประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือผู้นำสหรัฐ-เกาหลีเหนือที่สิงค์โปร์ 12-13 มิ.ย. กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) รู้ผล 14 มิ.ย. วันที่ 14 มิ.ย. กำหนดประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) จับตาการส่งสัญญาณลดวงเงิน QE จากระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน ซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดในเดือนก.ย. วันที่ 14-15 มิ.ย. จับตาการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) หลังญี่ปุ่นเปิดเผยตัวเลข GDP หดตัว 0.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ และในวันที่ 15 มิ.ย. กสทช. เปิดให้เอกชนแสดงความจำนงประมูลคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด คาดทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มแผ่วลง คาดดัชนี SET ผันผวนในกรอบ 1,700-1,750 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไร หุ้นที่มีปัจจัยบวก ได้แก่ PSL ได้อานิสงส์จากดัชนีค่าระวางเรือปรับตัวขึ้น 34% ในช่วง 7 วันทำการที่ผ่านมาสู่ระดับ 1,391 จุด หุ้นที่จะเข้าคำนวณดัชนี FTSE SET Mid Cap Index มีผล 18 มิ.ย. ได้แก่ GOLD, GULF, MBK และTHG รวมถึง UVAN ได้อานิสงส์จากการเก็งครม.ออกมาตรการช่วยเหลือการส่งออกน้ำมันปาล์ม และ GGC และ EA อานิสงส์จากในเดือนก.ค.รัฐปรับเพิ่มสัดส่วนการใช้ไบโอดีเซลจาก B7 เป็น B20

ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า คาด Fed ขึ้นดอกเบี้ยแน่นอน 0.25% ในสัปดาห์นี้ ส่วน ECB อาจส่งสัญญาณลดหรือยุติ QE ก่อนหมดอายุโครงการ ทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มจะแกว่งผันผวนรับการปรับพอร์ตของนักลงทุน โดยการพบกันระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ กับ คิม จอง อิล ในช่วงสุดสัปดาห์ คาดว่าจะไม่ได้ข้อสรุปที่ดีนัก จึงเป็นความเสี่ยงของตลาดการเงินต่อจากการประชุม G7 ที่ทรัมป์ยืนกรานปกป้องการค้าของสหรัฐฯต่อไปด้วยการตั้งกำแพงภาษี ในขณะที่ประเทศคู่ค้าต่างก็พร้อมตอบโต้เช่นกัน

ทั้งนี้ คาดการณ์ช่วงสวิงระหว่าง 1,280-1,325 ดอลลาร์ แนะกลยุทธ์รอ short เมื่อเข้าใกล้กรอบบน และ trading short เมื่อหลุดกรอบล่าง หรือ สำหรับพอร์ตเล่นสั้นที่เน้นปิดทำกำไรเร็วและมีวินัยในการตัดขาดทุน แนะ breakout follow เมื่อราคาออกจากช่วง 1,290-1,305 ดอลลาร์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน