สรุปภาวะตลาดหุ้นไทย (SET) วันพุธที่ 3 ตุลาคม 2561 ปิดที่ 1,741.96 จุด ปรับตัวลดลง -6.13 จุด คิดเป็น -0.35% จุดสูงสุดอยู่ที่ 1,757.43 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,741.96 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 58,138.89 ล้านบาท ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 1147.75 จุด ปรับตัวลดลง -3.18 จุด
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก ดาวโจนส์ปิดบวก 122.73 จุด ทำสถิติปิดในแดนบวกติดต่อกัน 4 วันทำการ โดยตลาดได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์และหุ้นโบอิ้ง
ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดแดนบวก โดยนักลงทุนต่างจับตาสถานการณ์งบประมาณของรัฐบาลชุดใหม่ของอิตาลี และแนวโน้มของข้อตกลงในการถอนตัวอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกง ฮั่งเส็งปิดลบ 35.12 จุด โดยได้รับปัจจัยกดดันจากความวิตกกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน หลังจากที่นายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ยอมรับว่าการเจรจาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้ากับจีนยังคงไม่มีความคืบหน้า
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว นิกเกอิปิดร่วง 159.66 จุด เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อหุ้นหลังจากดัชนีนิกเกอิทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 27 ปีเมื่อเร็วๆ นี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลงหลังจากมีรายงานยอดขายรถยนต์ที่ซบเซาในสหรัฐ
โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
1. IVL มูลค่าการซื้อขาย 4,811.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +2.75 บาท คิดเป็น +4.64%
2. PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,084.95 ล้านบาท ลดลง -1.00 บาท คิดเป็น -1.83%
3. BEAUTY มูลค่าการซื้อขาย 1,910.50 ล้านบาท ลดลง -0.80 บาท คิดเป็น -6.78%
4. PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,906.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +1.25 บาท คิดเป็น +1.55%
5. EA มูลค่าการซื้อขาย 1,868.75 ล้านบาท ลดลง -2.25 บาท คิดเป็น -4.46%
ดัชนีปรับตัวลดลงต่อเนื่องปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันอีกทั้งยังหลุดลงมาปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันในช่วงท้ายตลาดอีกด้วย ท่ามกลางวอลุ่มขายที่ออกมามากในช่วงท้ายตลาด ทำให้ MACD มีแนวโน้มอ่อนตัวลงตัดเส้น SIGNAL
หากวันนี้(4) ดัชนีถอยกลับลงมาหรือปิดต่ำกว่าจุดต่ำสุดเดิมในรอบสัปดาห์แถวๆ 1,735 จุดอีก จะกลายเป็นการทำ New low รอบใหม่ โอกาสที่ดัชนีจะลงไปทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันแถวๆ 1,727 จุดจะเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่แนวต้านอยู่แถวๆ เส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันที่ 1,749-1,750 จุด
บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด
