นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ประจำธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2562 คาดว่าจะเติบโตที่อัตรา 4.5% โดยมี 3 ปัจจัย ที่ต้องจับตาใกล้ชิด คือ การเลือกตั้งที่น่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และมั่นใจจะสานต่อนโยบายการลงทุนได้อย่างต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในรอบการประชุมวันที่ 14 พ.ย.นี้ เนื่องจากการส่งสัญญาณที่ชัดเจนในการประชุมเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา

เพื่อรักษาส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยไทยและสหรัฐฯ สกัดเงินทุนไหลออก และการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดลดลง เนื่องจากการท่องเที่ยวที่ลดลงของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งยังมีการชะลอตัวจนถึงไตรมาสที่ 1 ปี 2562 วัดจากยอดจองห้องพักในช่วงปลายปีนี้ เพราะยังไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีนได้ จะส่งผลต่อรายได้ของประเทศ

แต่อย่างไรก็ตาม ในปี 2562 ประเทศไทยเมื่อมีการเลือกตั้ง อาจได้รับการจัดอันดับเรตติ้งเพิ่มขึ้น จาก BBB+ เป็น A- หรือ A ซึ่งจะเป็นปัจจัยเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลต่อเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นได้ในขณะที่เศรษฐกิจไทยในปี 2561 เชื่อว่าจะขยายตัวที่ 4.3% อัตราแลกเปลี่ยนปลายปีจะปิดที่ 32.5-33.0 บาทต่อดอลล่าสหรัฐฯ และในปี 2562 จะอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 33.5บาทต่อดอลลาสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกของประเทศ

“คิดว่าภาพรวมการเมืองที่ดีขึ้น ประกอบกับปัจจัยทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งของไทย น่าจะส่งผลให้ไทยได้รับการปรับขึ้นอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศหลังจากการเลือกตั้ง แต่ก็ยังไม่น่าจะมีปัจจัยกระตุ้นการเติบโตใหม่หลังการเลือกตั้ง”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน