นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ บลจ.กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานปี 2562 บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (AUM) ไว้ที่ 878,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 10% ในปีที่ผ่านมา ในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดขายกองทุนใหม่ที่มีความหลากหลายมากขึ้นรวม 3-5 กองทุน โดยในกลางกลางเดือนก.พ.นี้ เตรียมเปิดขายกองทุนเปิดกรุงไทย สตราทีจิก แอคทีฟ โกลบอล แอลโลเคชั่น (KT-SAGA) ซึ่งเน้นลงทุนแบบ Fund of Fund ผ่านกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศเป็นหลักตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป โดยจะเลือกลงทุนในต่างประเทศ ทั้งตราสารทุน ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ /REIT ทองคำและน้ำมัน เป็นต้น หลังจากในปีที่ผ่านมาบริษัทประสบความสำเร็จจากนโยบายลงทุนในลักษณะนี้และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุน

ทั้งนี้ กองทุน KT-SAGA จะตอบโจทย์นักลงทุนทั่วไปที่ต้องการเข้าถึงการลงทุนในต่างประเทศทั่วโลกผ่านการเลือกลงทุนใน ETF ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนง่ายต่อนักลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามการลงทุนในต่างประเทศด้วยตัวเองและเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงไปยังต่างประเทศและต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าค่ามาตรฐานในระยะกลางถึงยาว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาขออนุมัติจัดตั้งกองทุนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

สำหรับผลการดำเนินงาน ปี 2561 โดย ณ วันที่ 28 ธ.ค. 2561 บริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (AUM) อยู่ที่ 776,382 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62,135 ล้านบาท หรือประมาณ 8.7% สูงกว่าอัตราการเติบโตบองอุตสาหกรรม ซึ่งอยู่ที่ 3.4% ขณะที่มูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และโครงสร้างพื้นฐาน มี AUM อยู่ที่ 109,567 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.6% จากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund – TFFIF) และบริษัทเป็นทรัสตีให้กับทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ 1 กองทุน

สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ อยู่ที่ 99,123 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.1% โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทได้บริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงาน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของพนักงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของกลุ่มบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พนักงาน บริษัทการท่าอากาศยานไทย จำกัด ส่วนกองทุนส่วนบุคคล อยู่ที่ 71,468 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.3%

ขณะที่กองทุนรวม อยู่ที่ 496,224 ล้านบาท ลดลง 0.4% จากภาวะความผันผวนของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) อัตราการเติบโตใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมอยู่ที่ 3.8% กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เพิ่มขึ้น 3.4% สูงกว่าอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 2.5% กองทุนต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 22.2% ในขณะที่อุตสาหกรรม -4.3%

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน