นายจักรพงศ์ เชวงศรี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มหุ้นกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี ในปี 2562 มองว่าจะมีกำไรสุทธิลดลงเหลือ 1.57 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.88 แสนล้านบาท หรือมีกำไรลดลงกว่า 10% และจะกระทบกำไรสุทธิของตลาดหุ้นไทยในภาพรวมให้ลดลง 5% เป็นผลจากปัจจัยราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลงจากความกังวลปริมาณน้ำมันดิบล้นตลาด โดยประเมินกรอบราคาน้ำมันดิบดูไบปีนี้ที่ 57 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลงจากระดับ 68 เหรียญสหรัฐฯ และราคาน้ำมันเบรนท์ที่ 60 เหรียญสหรัฐฯ จากปีที่แล้วอยู่ที่ระดับ 71 เหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ ค่าการกลั่นในตลาดน้ำมันในสิงคโปร์ ประเมินว่าจะลดลงอยู่ที่ 5.60 เหรียญสหรัฐฯ จากปีก่อนอยู่ที่ 6 เหรียญสหรัฐฯ

อีกที่ปัจจัยการปิดซ่อมบำรุงใหญ่โรงงานของหุ้นกลุ่มพลังงาน เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่กดดันกำไรสุทธิให้ปรับลดลงด้วยเช่นกัน โดย บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP แหล่งบงกช จะปิดซ่อมบำรุง ในไตรมาส 1 เป็นเวลา 45 วัน ซอติก้า 1 สัปดาห์ และไตรมาส 2-4 ปิดแหล่งบงกชและแหล่งอาทิตย์ ขณะที่บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ปิดซ่อม 30-40 วัน บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟนิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ปิดซ่อมในไตรมาส 4 และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ปิดซ่อม 52 วัน ซี่งจากการปิดซ่อมดังกล่าวทำให้กำไรสุทธิหุ้น PTTEP และ PTTGC ลดลง 20-25%

สำหรับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า หรือพีดีพี ฉบับใหม่ โดยยังคงให้ความสำคัญกับพลังงานทดแทนในสัดส่วน 20% เพียงแต่รูปแบบจะเปลี่ยนไปจากเดิมรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ประกอบการ เป็นรับซื้อจากประชาชนแทน ดังนั้นผู้ที่ได้รับสิทธิประโยชน์เป็นประชาชนแทน ส่วนผู้ประกอบการที่จะได้ประโยชน์คือ ผู้ติดตั้งโซลาร์เซล ในขณะเดียวกันแผนพีดีพีฉบับ จะเพิ่มโอกาสการลงทุนให้กับผู้ประกอบการโรงไฟฟ้ารายใหญ่ หรือ IPP ซี่งบริษัทมองว่า 2 บริษัทที่จะได้ประโยชน์ คือ บริษัท ผู้ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH ซึ่งมีโรงไฟฟ้า 2 แห่ง ขนาดกำลังการผลิต 700 เมกกะวัตต์ ที่จะหมดอายุลง 1 แห่ง และคาดว่าจะมีการเจรจากับรัฐบาล ในการปรับปรุงโรงไฟฟ้าเดิม แทนการสร้างใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี รวมถึงโรงไฟฟ้าอีกแห่งจะหมดอายุสัมปทานในปี 2566 ด้วย นอกจากนี้ในส่วนของ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGGO ซี่งภาครัฐมีนโยบายสร้างโรงไฟฟ้าภาคใต้ จ.กระบี่และสงขลา ซึ่งบริษัทมีพื้นที่ในภาคใต้อยู่แล้วทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่จะได้รับการพิจารณา

สำหรับบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BRIM ได้รับผลดีจากการต่ออายุโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก หรือ SPP ซึ่งมีลูกค้า 1 ใน 3 เป็นโรงงานอุตสาหกรรม โดยคาดว่าจะปรับเพิ่มราคาขายเฉลี่ยขึ้นได้ตามการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร หรือเอฟที

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน