นายวิน อุดมรัชวตวนิชต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เคทีบีเอสที เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯ จะทำธุรกิจเชิงรุก โดยเน้นการเติบโตในทุกธุรกิจ ได้แก่ การบริหารเงินเพื่อความมั่งคั่งส่วนบุคคล, บริการวาณิชธนกิจ, กองทุนรวม, การลงทุนต่างประเทศ, กองทุนส่วนบุคคล และผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่อย่าง เคทีบีเอสที สมาร์ท อัลโก้ (KTBST SMART ALGO) เป็นการลงทุนอัตโนมัติใหม่ที่เปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว เพื่อให้บริการลงทุนครบวงจร

ทั้งนี้ เพื่อให้ในปีนี้มีกำไรจากการบริหารจัดการ 30-50 ล้านบาทตามเป้าหมาย มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของธุรกิจการบริหารเงินเพื่อความมั่งคั่งส่วนบุคคล แตะ 50,000 ล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคลแตะ 5,000 ล้านบาท และมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ มากกว่า 1.5% ด้วยภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนที่ดีในปีนี้จึงเป็นโอกาสสำหรับการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2559 บริษัทสามารถพลิกกลับมามีกำไรทั้งสิ้นอยู่ที่ 10 ล้านบาท ถือเป็นกำไรครั้งแรกของบริษัทฯในรอบกว่า 10 ปี

“ปัจจุบันมีนักลงทุนที่มีสินทรัพย์จำนวนมากที่ต้องการบริหารจัดการและกำลังมองหาที่ปรึกษาการลงทุนที่คอยให้คำแนะนำเลือกสินทรัพย์ต่างๆ และบริหารความเสี่ยงไปด้วยในเวลาเดียวกัน โดยเราเป็นบริษัทขนาดเล็ก ดังนั้นกลุ่มเป้าหมายลูกค้าของเคทีบีเอสทีจะเป็นลูกค้าขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ให้ความสำคัญและกระตุ้นให้รายย่อยเข้ามาลงทุนและออมเงินในตลาดหุ้นมากขึ้น ซึ่งทางเคทีบีเอสทีจึงมุ่งเน้นไปที่นักลงทุนในกลุ่มดังกล่าวด้วยให้บริการลงทุนครบวงจร”

พร้อมกันนี้ มีแผนจะลงทุนเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเงิน หรือ ฟินเทค (FinTech = Financial Technology) เตรียมงบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท หรือ 7-9% ของรายได้ปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วใช้ไป 5% ของรายได้ 600 ล้านบาท เพื่อวางระบบในการรองรับการทำธุรกรรมใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจการบริหารเงินเพื่อความมั่งคั่งส่วนบุคคล และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อผลักดันมีบัญชีลูกค้าที่ 10,000 ราย เพิ่มจากบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ปัจจุบันมีจำนวนกว่า 7,000 บัญชีเมื่อปลายปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม หากในช่วงปีนี้บริษัทฯ สามารถทำได้ตามแผนมีความเป็นไปได้ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปีนี้ ซึ่งจากเดิมวางไว้ในปี 2562

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน