นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (13-17 พ.ค. 2562) ประเด็นสำคัญที่จะมีผลต่อตลาดคือเรื่องสงครามการค้าของสหรัฐฯกับจีนที่เกิดขึ้นซึ่งทำให้ตลาดหุ้นเกิดความผันผวน แม้ว่าจะมีการเดินหน้าการเจรจารอบใหม่ แต่จะเห็นผลความคืบหน้าในช่วงระยะ 1 เดือนต่อจากนี้ ทำให้ตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้อาจเห็นการแกว่งตัวและทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนลง

ขณะที่ปัจจัยในประเทศตลาดยังจับตาดูการจัดตั้งรัฐบาลว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร โดย KTBST ประเมินในเชิงบวกว่าพรรคพลังประชารัฐจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แต่ยังต้องรอประเมินด้วยว่าทีมเศรษฐกิจเป็นจะออกมาเป็นอย่างไร อีกปัจจัยสำคัญคือ รายงานตัวเลขผลประกอบของบริษัทจดทะเบียน ไตรมาส 1 ที่จะถึงกำหนดวันที่ 15 พ.ค. เป็นวันสุดท้ายของการส่งรายงาน โดยล่าสุดมีการรายงานออกมาแล้ว 184 บริษัท กำไรรวมลบ -5% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) ; และ +53% เมื่อเทียบไตรมาที่ผ่านมา (QoQ) นอกจากนี้ จะมีการเลือกหุ้นเพื่อเข้าสู่การคำนวณในดัชนี MSCI ในเช้าวันที่ 14 พ.ค. ซึ่งตลาดได้รับรู้กันแล้ว

ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนในสัปดาห์นี้ด้วยทิศทางตลาดที่ยังมีความไม่แน่นอน แต่ตลาดได้รับรู้ปัจจัยต่างๆมาระดับหนึ่งแล้วดังนั้นคาดว่าจะมีผลบวกและลบต่อดัชนีตลาดไม่รุนแรงมาก แต่จะให้ดัชนีฯแกว่งในกรอบที่ไม่กว้างมากนัก KTBST ยังแนะนำชะลอการลงทุน และเน้นลงทุนหุ้นที่มีผลกำไรเติบโตดี (Defensive) โดยเลือกหุ้น 5 กลุ่มที่น่าสนใจ ประกอบด้วย กลุ่มโรงไฟฟ้า, กลุ่มสัมปทานภาครัฐ, กลุ่มค้าปลีก, กลุ่มโทรศัพท์ และหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว ได้แก่ GULF, BEM, AOT, BJC, ADVANC และ JMT ประเมินกรอบ SET Index สัปดาห์นี้ที่ 1,630-1,670 จุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน