กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.20-31.55 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 31.63 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 1.76 หมื่นล้านบาท และ 4.6 พันล้านบาท ตามลำดับ ในช่วงเปิดการซื้อขายวันแรกของเดือนมิ.ย. เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 3 เดือน หลังมีสัญญาณความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐ และประเทศคู่ค้าชั้นนำอื่นๆ ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งเพิ่มคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงช่วงกลางปีนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดเดือนพ.ค. ทางด้านเงินยูโรได้รับผลกระทบอย่างจำกัด หลังพรรคการเมืองที่มีนโยบายต่อต้านสหภาพยุโรป (อียู) ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในการเลือกตั้งสภายุโรปที่ผ่านมา

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดการเงินจะจับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และข้อมูลการจ้างงานเดือนพ.ค. ของสหรัฐ ส่วนประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่าการลดดอกเบี้ยของเฟดอาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าโลกและอัตราเงินเฟ้อต่ำของสหรัฐ เราตั้งข้อสังเกตว่าสัญญาณเตือนจากตลาดพันธบัตรกำลังสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์ ขณะที่สงครามการค้าขยายวง ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ อายุ 10 ปีแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2560 และลดลงต่ำกว่าผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 3 เดือนมากยิ่งขึ้น ปฏิกิริยาของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนสะท้อนภาพที่แตกต่างจากปี 2561 ซึ่งในครั้งนั้นปัจจัยสงครามการค้าโลกกระตุ้นแรงขายสกุลเงินตลาดเกิดใหม่เป็นหลัก

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ตลาดจะติดตามข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ค. ทางด้านผู้ว่าการธปท. ระบุว่าการที่ไทยไม่มีชื่ออยู่ในรายงานล่าสุดของสหรัฐ เกี่ยวกับประเทศที่ถูกจับตามองในเรื่องการแทรกแซงค่าเงิน เป็นการยืนยันว่าไทยไม่ได้มีนโยบายจัดการค่าเงินเพื่อประโยชน์ทางการค้า อย่างไรก็ดี ยังไม่สามารถวางใจได้เนื่องจากสหรัฐ มีการปรับมาตรการให้เข้มงวดมากขึ้น ทั้งนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐ เปิดเผยว่ามี 9 ประเทศที่ต้องจับตามองในเรื่องการแทรกแซงค่าเงิน ได้แก่ จีน เยอรมัน ไอร์แลนด์ อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน