น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากรัฐบาลเดินหน้าออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ล่าสุดครม. เห็นชอบจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว วงเงิน 1,600 ล้านบาทและโครงการสินเชื่อช่วยเหลือ SME วงเงิน 1.5 หมื่นลบ.ดอกเบี้ย 3% ช่วง 3 ปีแรก รวมถึงค่าเงินบาทแข็งค่าที่สุดในรอบ 5 เดือนหนุน fund flow ไหลเข้า และการทำ Window Dressing ปิดงวดไตรมาสที่ 1 ช่วงปลายเดือนมี.ค.

ขณะที่ยังมีปัจจัยกดดันจากการรื้อร่าง TOR และราคากลางรถไฟทางคู่ใหม่ซึ่งคาดจะได้ข้อสรุปในอีก 2 สัปดาห์ และคาดว่าจะได้ผู้รับเหมาราวเดือนก.ย.-ต.ค.ซึ่งล่าช้าไปจากแผนเดิม และการที่ราคาน้ำมันปรับลงหลังจากปริมาณกำลังผลิตน้ำมันในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นส่งผลลบเชิงจิตวิทยาต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 23 มี.ค. นางเยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ซึ่งเป็นที่จับตาในการหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป วันที่ 24 มี.ค. อียู เปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 4/2559 และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือนมี.ค. และในวันที่ 29 มี.ค. กำหนดประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.)

ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยบวกจากนลท.ต่างชาติพลิกกลับเป็น Net Buy สอดคล้องกับทิศทางเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งทำให้กระแส Fund Flow มีโอกาสไหลเข้าต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังได้แรงหนุนจากการทำ Window Dressing ไตรมาส 1/2560 ในช่วงปลายเดือนมี.ค. ดังนั้นประเมินว่า SET จะปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,575-1,585 จุด ทั้งนี้ แนะนำเก็งกำไรหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น แนะนำ SCB KTB และ KBANK

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า การอ่อนลงของเงินดอลลาร์ การเมืองในยุโรปที่ผ่อนคลายลง ความเสี่ยงจาก Trumponomics ที่ยังคงอยู่ และ Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้เงินทุนโลกกลับมาเลือกลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ อีกครั้ง ราคาทองคำจึงได้รับผลบวกในขณะที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กไม่ทำ historical high ต่อ แต่แรงซื้อ buy on dip กำลังแผ่วลงจากการขายทำกำไร ทำให้ระยะสั้นอาจอ่อนตัวลง แต่แนวรีบาวน์ยังคงมุ่งขึ้นสู่กรอบหลักบริเวณจุดสูงสุดของรอบที่ 1,263 ดอลลาร์ จึงแนะนำให้ทยอยปิดทำกำไรเมื่อราคาปรับขึ้น แล้วรอจังหวะซื้ออีกครั้งเมื่ออ่อนตัว โดยมีระดับ 1,200 ดอลลาร์เป็นแนวจิตวิทยาที่ราคาจะดิ่งแรง หากหลุดลงไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน