นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ (22-26 ก.ค.) คาดว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยยังเคลื่อนไหวในแดนบวก เนื่องด้วยปัจจัยสำคัญหลัก 2 เรื่องที่ตลาดจับตามองนั่นคือ 1. การเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับจีนที่กรุงปักกิ่งในสัปดาห์นี้ หากประสบความสำเร็จหรือได้ผลในเชิงบวก จะส่งผลถึงเรื่องที่ 2 คือการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางหสรัฐ (Fed) ในช่วงสัปดาห์หน้า (30-31 ก.ค.) มีน้อยลงหรือปรับลดต่ำกว่าที่ตลาดคาด คือ ลดลง 0.50% ขณะเดียวกันในช่วงปลายสัปดาห์นี้จะมีการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ของสหรัฐ คาดว่าจะออกมาอยู่ที่ 1.8% จากช่วงก่อนหน้าที่ระดับ 3.1% คาดว่า Fed จะใช้ตัวเลข GDP ประกอบการพิจารณาทิศทางดอกเบี้ยด้วยเช่นกัน

ด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีการประชุมนโยบายดอกเบี้ยในวันที่ 25 ก.ค.นี้ และมีแนวโน้มที่ ECB จะเริ่มพูดถึงเรื่องการผ่อนคลายนโยบายการเงิน (QE) ซึ่งจะเป็นบวกต่อตลาดเช่นกัน ส่วนปัจจัยอื่นของสัปดาห์นี้ คือ เรื่องราคาน้ำมันดิบ ที่ยังได้แรงหนุนจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

ส่วนปัจจัยในประเทศ ที่น่าสนใจคือการรายงานกำไรของหุ้นกลุ่มธนาคารที่เหลือ และรายงานตัวเลขการส่งออกเดือนมิ.ย. ที่จะประกาศในวันที่ (22 ก.ค.) และ รมว.คมนาคม เตรียมผลักดันนโยบายเตรียมหั่นค่าโดยสารขนส่งสาธารณะทุกระบบ อาจเป็นลบต่อผู้ประกอบการ

โดยภาพรวมของการลงทุนในสัปดาห์นี้ KTBST ประเมินว่า ดัชนีฯมียังเคลื่อนไหวในทิศทางบวก และสามารถยืนได้เหนือระดับ 1,720 จุดได้ หากการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนผ่านไปด้วยดี จะทำให้เงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อ

กลยุทธ์การลงทุน ยังคงแนะนำเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนตลาด โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่ได้รับการปรับอันดับเครดิตขึ้นอย่าง โรงไฟฟ้า, ค้าปลีก, โทรศัพท์ รวมไปถึงหุ้นที่ราคาอ่อนตัวลงมามาก เช่น โรงพยาบาลและกลุ่มรับเหมาฯ และหุ้นที่ถูกคาดการณ์ว่างบการเงินไตรมาส 2 จะออกมาดี โดยหุ้นที่แนะนำได้แก่ SCB, SAWAD, BDMS, PTG, ADVANC, TRUE, RATCH ประเมินดัชนีฯเคลื่อนไหวในกรอบ 1,720-1,750 จุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน