นายสุวัฒน์ เตชะวัฒนวรรณา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ปี 2560 ของสายงานธุรกิจลูกค้าบรรษัทที่ดูแลลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่เติบโตทั้งยอดสินเชื่อคงค้างและรายได้ที่ 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยในส่วนของยอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 553,665 ล้านบาท และรายได้อยู่ที่ 12,221 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นรายได้จากดอกเบี้ย 4,959 ล้านบาท และรายได้ค่าธรรมเนียม 5,982 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ธนาคารตั้งเป้าหมายการขยายสินเชื่อลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ในปีนี้ที่ 4-6% ส่วนรายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 3% ส่วนสถานการณ์หนี้ที่มิก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของลูกคัาธุรกิจขนาดใหญ่ช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1.89% และตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะควบคุมไม่ให้เกิน 2% จากเอ็นพีแอลรวมของธนาคารอยู่ที่ 3.3%

สำหรับอุตสาหกรรมที่โดดเด่นในครึ่งปีแรกได้แก่ อุตสาหกรรมพลังงาน โดยเฉพาะพลังงานทดแทน อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป เพื่อการส่งออก และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ยังเติบโตได้ดีด้วยความรัมัดระวัง สำหรับแนวโน้มความต้องการใช้สินเชื่อของธุรกิจขนาดใหญ่ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ส่วนใหญ่ยังคงใช้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน เป็นหลัก

นอกเหนือจากนี้จะมีการระดมทุนโดยผ่านการจัดตั้งหรือขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (รีท) รวมถึงการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์) เนื่องจากภาครัฐจะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังมีการระดมทุนโดยผ่านการขายหุ้นเพิ่มทุน (ไอพีโอ) และการซื้อกิจการขนาดใหญ่ ทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ ซึ่งธนาคารเป็นที่ปรึกาาทางการเงินอยู่ในขณะนี้ประมาณ 3-4 ราย

“ปัจจัจสนับสนุนเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลังให้ขยายตัวได้ อยู่ที่เงินลงทุนจากภาครัฐที่มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรม อาทิ โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี ที่เชื่อมต่อไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียน อย่าง สปป. ลาว กัมพูชา เวียดนาม รวมถึงเงินลงทุนขนาดใหญ่จากจีน โครงการรถไฟความเร็วสูงที่จะเริ่มสายแรกของประเทศจากกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ตลอดจนการเดินหน้าอนุมัติโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในรัฐบาลปัจจุบันก่อนการเลือกตั้ง นอกจากนี้ การส่งออกที่ขยายตัวได้ดีเกินกว่าที่คาดผลจากเศรษฐกิจโลกที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลถึงเศรษฐกิจในประเทศไทยที่น่าจะขยายตามไปด้วย”นายสุวัฒน์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน