บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ (4-8 ธ.ค. 2560) สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท เงินบาททรงตัวในกรอบแคบๆ ที่ระดับประมาณ 32.60 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนจะทยอยอ่อนค่าในช่วงปลายสัปดาห์

ทั้งนี้ เงินบาทขยับอ่อนค่าลง หลังจากที่เงินดอลลาร์ ทยอยได้รับแรงหนุนมากขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่ออกมาดีกว่าที่คาด (อาทิ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน) ตลอดจนความหวังต่อมาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐ ที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่สภาคองเกรสสามารถผ่านร่างกฎหมายต่ออายุการจัดสรรเงินทุนเป็นการชั่วคราวให้แก่หน่วยงานรัฐบาล ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการปิดหน่วยงานราชการของสหรัฐ จนถึงวันที่ 22 ธ.ค. นี้ สำหรับในวันศุกร์ (8 ธ.ค.) เงินบาทอยู่ที่ 32.66 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 32.60 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (1 ธ.ค.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (11-15 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.50-32.80 บาทต่อดอลลาร์ โดยคงต้องติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ และมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยและเศรษฐกิจปีหน้าของเฟด (12-13 ธ.ค.) ตลอดจนสัญญาณเกี่ยวกับการผลักดันแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. และสต๊อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ ข้อมูลเงินทุนระหว่างประเทศเดือนต.ค.

นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางอังกฤษ ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนพ.ย.ของจีน ตลอดจนดัชนี PMI ขั้นต้นประจำเดือนธ.ค. ของประเทศชั้นนำหลายๆ ประเทศด้วยเช่นกัน

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,706.52 เพิ่มขึ้น 0.40% จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลงประมาณ 2.27% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 52,137.24 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ปิดที่ 538.86 จุด ลดลง 1.07% จากสัปดาห์ก่อน

ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบช่วงต้นสัปดาห์ ท่ามกลางแรงกดดันจากการขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ อย่างไรก็ดี ดัชนี SET กลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีแรงหนุนจากเงินลงทุนที่ไหลเข้าใน LTF/RMF อีกทั้งในช่วงปลายสัปดาห์ ยังได้รับปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (11-15 ธ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,695 และ 1,685 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,720 และ 1,730 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางอังกฤษ รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย. ของประเทศแถบยุโรป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน