นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทย ในครึ่งปีแรกเติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์ ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการปรับประมาณการจีดีพี ทั้งปี 2559 ขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.2% ในส่วนของเคทีซี ยังคงความสามารถในการสร้างรายได้และทำกำไร จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรและการขยายตัวของยอดลูกหนี้ทั้ง 2 ธุรกิจหลัก คือ บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ภายใต้มาตรฐานการอนุมัติบัตรที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อีกทั้งแนวทางการติดตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ NPL อยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม

“ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ ทำกำไรเท่ากับ 1,854 ล้านบาท เติบโต 21% จากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากรายได้รวม 9 เดือนเติบโตที่ 13% สำหรับไตรมาส 3/2559 มีกำไรสุทธิ 640 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาส 2/2559 และเพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาส 3/2558 ที่มีมูลค่า 499 ล้านบาท เนื่องจากรายได้เติบโต 12% มากกว่าค่าใช้จ่ายรวมที่เพิ่มขึ้น 10% จากค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้กับบริษัทภายนอก การตัดหนี้สูญและตั้งหนี้สงสัยจะสูญที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของพอร์ต”

ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 2559 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 61,146 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันปี 2558 ที่ 54,773 ล้านบาท โดยพอร์ตลูกหนี้การค้ารวมสุทธิเท่ากับ 57,015 ล้านบาท ฐานสมาชิกรวม 2.8 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แบ่งเป็น บัตรเครดิต 2,039,967 บัตร ยอดลูกหนี้บัตรเครดิตสุทธิ 38,247 ล้านบาท สินเชื่อบุคคล 793,486 บัญชี ยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลสุทธิ 18,603 ล้านบาท ลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รวม (NPL) ลดเหลือ 1.86% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนที่ 2.19% NPL บัตรเครดิตลดเหลือ 1.37% จาก 1.42% และ NPL สินเชื่อบุคคลอยู่ในระดับเดิมที่ 1.01% และมีปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเติบโตที่ 14.0% ซึ่งสูงกว่าอุตสาหกรรมที่ 7.2%

สำหรับแผนการตลาดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 ต่อเนื่องถึงปี 2560 เพื่อบรรลุแผนในการก้าวสู่การเป็นแบรนด์ในใจที่สมาชิกชื่นชอบและเลือกใช้ ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ยั่งยืน เคทีซีจะมุ่งบริหารงานใน 3 แกนสำคัญ คือ 1.บุคลากรจะต้องมีศักยภาพเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ ทำงานเชิงรุกและมีความรู้สึกเป็นเจ้าของบริษัทฯ ร่วมกัน 2. กระบวนการทำงานมุ่งเน้นที่ตัวลูกค้าเป็นหลัก และ 3. ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่สนับสนุนธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะธุรกิจดิจิตอล และควบคุมคุณภาพหนี้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

ส่วนในปี 2560 บริษัทฯ ได้วางแนวทางดำเนินงาน ด้วยแผนขยายตัวของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรรวม ที่ไม่ต่ำกว่า 15% พอร์ตลูกหนี้ขยายตัวประมาณ 10% และจะรักษาระดับของ NPL ให้อยู่ในระดับเดียวกันกับปี 2559 โดยคาดว่า ในปี 2560 บริษัทฯ จะสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นได้ไม่ต่ำกว่า 10%

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน