“ธีรดา ศิริมงคล”

ญี่ปุ่น ประเทศที่มีความน่าสนใจหลากหลาย ทั้งเทคโนโลยีวิทยาการ อาหาร ศิลปวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม และแหล่งท่องเที่ยว

หนึ่งในเมืองซึ่งเป็นที่นิยมคือ “โอซากา” ในเขตภูมิภาคคันไซ โดยเมื่อไม่นานนี้ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) นำ 4 เยาวชน และคณะสื่อมวลชนไปศึกษาดูงานสถาปัตยกรรมรักษ์โลก พร้อมเที่ยวชมเมืองในฤดูร้อนของโอซากา

สถานที่แรกคือ ตึกอุเมดะ สกาย ตั้งอยู่ย่านอุเมดะทางเหนือของโอซากา สูง 173 เมตร มีทั้งหมด 39 ชั้น โดดเด่นด้วยรูปทรงแปลกตาเป็นภาพสองอาคารคู่กัน ด้านบนมีวงกลมคล้ายโดนัทขนาดใหญ่เชื่อมอาคารทั้งสองเข้าด้วยกัน

คณะเข้าไปยังตัวอาคารเพื่อขึ้นลิฟต์แก้วไปยังชั้น 39 ก่อนจะขึ้นบันไดเลื่อนสุดท้าทายไปยังจุดชมวิว เนื่องจากด้านล่างของบันไดเลื่อนไม่มีสิ่งใดรองรับ แถมยังทอดยาวไกลอีกต่างหาก

หลังผ่านพ้นบันไดเลื่อนสุดหวาดเสียวจะพบทางขึ้นไปสู่จุดไฮไลต์ของตึก ระหว่างทางมีนิทรรศการเล็กๆ บอกเล่าความเป็นมาของตึกอุเมดะ สกาย และมีคาเฟ่ให้นั่งพักผ่อนจิบกาแฟชมวิว หายเหนื่อยกันแล้วก็ขึ้นไปชมวิวกันต่อที่ด้านบนได้เลย

ไฮไลต์ของตึกนี้อยู่ที่ชั้น 39 จุดชมวิวที่เรียกว่า The Floating Observatory ชั้นดาดฟ้าที่มองเห็นจากด้านล่างเป็นโดนัทกลมๆ วิวเอาต์ดอร์โดยรอบ 360 องศา มองเห็นนครโอซากาได้โดยรอบพร้อมลมเย็นๆ ช่วยให้ลืมความหวาดเสียวเมื่อสักครู่

ทั้งยังจัดพื้นที่ไว้ให้คู่รักมาคล้องกุญแจเป็นสัญญารักร่วมกัน แน่นอนว่าจุดคล้องกุญแจแดนปลาดิบเป็นระเบียบเรียบร้อยตามสไตล์คนญี่ปุ่น

ชมวิวรอบเมืองโอซากากันไปแล้ว จะไม่ไปเยือนปราสาทโอซากาคงไม่ได้ แลนด์มาร์กโอซากาแห่งนี้ยังคงมีนักท่องเที่ยวไปเยือนหนาตาแม้ยามฤดูร้อน

จากจุดจอดรถนักท่องเที่ยวต้องเดินเท้าเข้าไป 300 เมตร จึงจะถึงหน้าประตูปราสาทที่มองเห็นปราสาท โอซากาสวยเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางสวนสีเขียว

ปราสาทโอซากาสร้างขึ้น โดยโชกุนโตโยมิ ฮิเดโยชิ ในศตวรรษที่ 16 ตัวปราสาทแบ่งเป็น 8 ชั้น โอบล้อมด้วยกำแพงหินแกรนิต สร้างได้อย่างประณีตสวยงาม ระหว่างเข้าคิวรอซื้อตั๋วเข้าชมปราสาท ละอองน้ำเย็นๆ จากพัดลมไอน้ำที่นำมาติดตั้งคลายร้อนให้นักท่องเที่ยวคืออีกความใส่ใจของคนญี่ปุ่น

ประตูทางเข้าปราสาท จัดให้เด็กและ ผู้สูงอายุเข้าแถวรอขึ้นลิฟต์ ส่วนวัยหนุ่มสาวและวัยรักสุขภาพเชื้อเชิญให้ขึ้นบันไดไปทีละชั้นๆ กว่าจะไปถึงชั้น 8 ไม่ใช่เรื่อง น่าเบื่อเลย เพราะแต่ละชั้นจัดแสดงนิทรรศการเรื่องราวทางประวัติศาสตร์บอกเล่าความเป็นมาของปราสาทอันสวยงามแห่งนี้ พร้อมมุมช็อปที่โซนขายของที่ระลึก และจุดชมวิวริมระเบียงชมความสวยงามรอบปราสาทโอซากา

ใครมาโอซากาก็ต้องมาย่านช็อปปิ้งสุดฮิต “ชินไซบาชิ” เพื่อถ่ายรูปกับอีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์ก “ป้ายกูลิโกะ” ที่ตั้งเด่นอยู่ข้างสะพานข้ามคลองกลางย่านชินไซบาชิ

ขาช็อปที่ต้องการจบครบทุกสิ่งอย่างในร้านเดียวเชิญที่ร้าน “ดองกี้” อยู่เลยป้าย กูลิโกะไปเล็กน้อย ด้านหน้าตึกมีชิงช้าสวรรค์สีเหลืองอันใหญ่ยักษ์ ได้ของฝากครบแล้วจะเดินชมย่านช็อปปิ้งกันต่อก็เพลิดเพลินไม่น้อย

ได้เวลาหาของอร่อยใส่ท้อง ในย่านชินไซบาชิมีร้านหนึ่งโดดเด่นด้วยปูยักษ์สีส้มดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่หน้าร้าน ชื่อว่าร้าน “KANI DORAKU”

อาหารทุกจานล้วน มาจากปูทาราบะ ไม่ว่าจะเป็นปูนึ่ง ปูย่าง ซูชิปู ชาบูปู ใครรักปูจะได้กินปูกันจนหนำใจ แต่หากใครไม่ถูกโรคกับปู หรือกินปูเบื่อแล้วมาญี่ปุ่นต้องไม่พลาดกินเนื้อ โดยเฉพาะเนื้อโทคุเซ็นวากิวปิ้งย่าง เห็นแค่สีและลายเนื้อก็รู้ว่าต้องนุ่มละลายในปากแน่นอน

สถานที่สุดท้ายที่คณะไปเที่ยวชมก่อนมุ่งตรงสู่สนามบิน คือ “สะพานอะกะชิไคเกียว” หรือ “สะพานไข่มุก” สะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลกด้วยความยาว 3,991 เมตร ตั้งอยู่ที่ช่องแคบอากาชิ จังหวัด เฮียวโงะ สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมเมืองโคเบะบนเกาะฮอนชูกับเมืองอิวายะบนเกาะอาวาจิเข้าด้วยกัน


ใต้สะพานมีศูนย์งานแสดงสะพานอะกะชิไคเกียว ให้ความรู้การออกแบบและเทคโนโลยีการสร้างสะพาน พร้อมจำลองสะพานความยาว 40 เมตร ซึ่งใช้ทดสอบอุโมงค์ลมโดยมีจุดพื้นกระจกแก้วให้ชมวิวทะเลเบื้องล่าง

ว่ากันว่าญี่ปุ่นใครไปก็หลงรัก แม้สถานที่เดียวกันแต่ต่างฤดูก็ให้อารมณ์ชวนหลงใหลแตกต่างกันไป ครั้งนี้ได้มาสัมผัสอากาศช่วงฤดูร้อนที่มีฝนตก ได้ค้นพบความสวยงามในอีกรูปแบบที่น่าจดจำ

อีกสิ่งหนึ่งของญี่ปุ่นที่ยังคงให้ความรู้สึกน่าชื่นชมเสมอ คือความสุภาพน่ารักของคนญี่ปุ่น และความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ในทุกสิ่ง

นับเป็นอีกหนึ่งความประทับใจในดินแดนอาทิตย์อุทัยนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน