“สิงห์ปาร์ค” ปลุกการท่องเที่ยวเมืองรอง

กระตุ้นเศรษฐกิจเชียงราย กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ภาพรวมของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยถือว่ามีทิศทางการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ด้วยการทำตลาดในต่างประเทศที่ชูในเรื่องการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม พร้อมการนำเสนอกิจกรรมรูปแบบใหม่ๆ อาทิ การท่องเที่ยวเชิงกีฬา การท่องเที่ยวเชิงอาหาร รวมไปถึงแรงขับเคลื่อนใหม่ๆ ในด้านนโยบายจากภาครัฐที่ส่งเสริมให้คนไทยหันกลับมาเที่ยวในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะการปลุกกระแส “เมืองรอง” เพื่อนำเสนออีกมุมของหลายจังหวัดในเมืองไทยที่หลายคนยังไม่เคยเห็น

เช่นเดียวกับ จังหวัดเชียงราย ที่แม้จะตั้งอยู่ในภาคเหนือซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวไทยและชาวต่างชาติ แต่เมื่อย้อนกลับไปในปี 2553 พบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวแวะมาเยี่ยมเยียนจังหวัดเชียงรายราว 2.3 ล้านคนเท่านั้น ทั้งที่เชียงรายถือเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างยาวนานนับตั้งแต่สมัยอาณาจักรล้านนา มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเฉพาะตัวที่ผสมผสานความหลากหลายของชาติพันธุ์ มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย อีกทั้งยังเป็นประตูสู่พม่า ลาว และจีนตอนใต้

หากแต่ในแง่มุมด้านแบรนด์ดิ้งก็ต้องยอมรับว่า เชียงราย แม้จะมีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง แต่ยังคงขาดความหลากหลายในด้านแหล่งท่องเที่ยว โดยที่ผ่านมาได้มุ่งเน้นเพียงแค่แหล่งท่องเที่ยวด้านศาสนา วัฒนธรรม และธรรมชาติเป็นหลัก ที่อาจยังไม่จูงใจกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เป็นคนรุ่นใหม่ได้มากนัก ซึ่งนี่ถือเป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่เมืองรองส่วนใหญ่กำลังเผชิญ

แต่ด้วยการสนับสนุนในด้านการท่องเที่ยวจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ส่งผลให้เชียงรายสามารถกระโดดขึ้นมาเป็นจังหวัดแถวหน้าของการท่องเที่ยวในเมืองไทย ซึ่งในมุมมองทางการตลาดก็ถือได้ว่าจังหวัดเชียงรายมีแบรนด์ดิ้งที่ชัดเจนมากขึ้น ที่แม้จะมีระยะทางที่ไกล แต่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์และไม่มีจังหวัดใดเหมือน ทั้งในด้านความงามของธรรมชาติ อาทิ ดอยตุง ดอยช้างมูบ ดอยผาตั้ง ภูชี้ฟ้า ขณะเดียวกันก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนาที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย รวมไปถึงวัดร่องขุ่นที่ออกแบบและก่อสร้างโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และ “สิงห์ปาร์ค” ซึ่งนับเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวต้องแวะไปเยี่ยมเยียน

“สิงห์ปาร์ค เชียงราย” หรือชื่อเดิมว่า “ไร่บุญรอด” เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งใหม่ที่ชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจอย่างมากนับตั้งแต่การเปิดตัวในปี 2554 ซึ่งสถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ความงดงามของธรรมชาติเพียงเท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีความโดดเด่นในฐานะแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรดีเด่นของภาคเหนือ ที่นำเอาวิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณี และทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่มาผสมผสานเข้ากับชุมชน เพื่อพัฒนาเป็นองค์ความรู้เพื่อถ่ายทอดภูมิปัญญาเหล่านี้ไปสู่นักท่องเที่ยว ซึ่งทำให้ผู้มาเยือนได้รับทั้งความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ บนพื้นฐานของการดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักการวิสาหกิจชุมชน หรือ Social Enterprise ตามแนวคิดของ คุณสันติ ภิรมย์ภักดี ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่และสร้างความเข้มแข็งแบบยั่งยืนให้กับชุมชน ผ่านการสร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน

นอกจากนี้ “สิงห์ปาร์ค” ยังถือเป็น 1 ในแลนด์มาร์คสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของเชียงรายมาตลอดระยะเวลากว่า 7 ปีที่ผ่านมา พบว่าจังหวัดเชียงรายมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ขณะที่ด้านการคมนาคมก็มีการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินและเที่ยวรถเพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยว อาทิ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (CEI) มีจำนวนบินอยู่ที่ 22 เที่ยวต่อวัน ในส่วนของที่พักก็มีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งโรงแรม โฮมสเตย์ และเกสต์เฮาส์ โดยมีจำนวนอยู่ที่ 567 แห่ง

แม้เชียงรายจะก้าวมาสู่จังหวัดการท่องเที่ยวแถวหน้าของเมืองไทยและมีรายได้หมุนเวียนในชุมชนอย่างมหาศาล หากแต่สิงห์ปาร์คก็ยังคงเดินหน้าสืบสานเจตนารมณ์ในการช่วยพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมภารกิจสำคัญคือการเดินหน้าพัฒนาและปรับปรุงสิงห์ปาร์คให้มีความสวยงามและเพิ่มสีสันใหม่ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้แวะมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี

อีกทั้ง สิงห์ปาร์ค ยังมีงานเทศกาลประจำปีที่สำคัญอยู่หลายงาน อาทิ เทศกาลบอลลูนนานาชาติ ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี หรือ เทศกาล “ฟาร์ม เฟสติวัล ออน เดอะ ฮิลล์ ครั้งที่ 6” มหกรรมคอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือต้อนรับลมหนาว ซึ่งปีนี้จะจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน 2561 – วันที่ 2 ธันวาคม 2561 นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมในด้านกีฬาที่น่าสนใจมากมาย ที่ทำให้สิงห์ปาร์คกลายเป็น Sport Activity ที่สามารถแวะมาได้ตลอดทั้งปี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงปลายปี ถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของจังหวัดเชียงราย ด้วยสภาพอากาศที่เย็นสบาย มีลมหนาวพัดผ่าน จึงเหมาะแก่การเดินทางมาท่องเที่ยว อีกทั้งทัศนียภาพที่งดงาม ต้นไม้เขียวชะอุ่ม ดอกไม้ออกดอกสะพรั่งรอต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเยือน ฤดูหนาวนี้ลองเปิดใจให้ “เชียงราย” เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางดูสักครั้ง แล้วมาพิสูจน์ด้วยตัวคุณเองว่าทำไม “สิงห์ปาร์ค” และ “เชียงราย” ถึงกลายเป็นแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าจะต้องแวะมาสัมผัสลมหนาวที่นี่กันให้ได้สักครั้ง

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://mots.go.th/more_news.php?cid=411

http://singhapark.com/


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน