บินไทยพาทัวร์เซนได เมืองประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

บินไทยพาทัวร์เซนได เมืองประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

บินไทยพาทัวร์เซนได เมืองประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น – “เซนได” เป็นเมืองเอกของจังหวัดมิยากิ ประเทศญี่ปุ่น และเป็นเมืองใหญ่สุดในภูมิภาคโทโฮกุ ตั้งอยู่ตอนใต้ของเกาะฮอกไกโด

ภูมิประเทศเป็นที่ราบสลับเนินเขา ได้รับสมญาว่าเป็นเมืองแห่งต้นไม้ พืชพรรณสูงใหญ่แข่งกับตึกคอนกรีตสูง เรียกได้ว่า เป็นเมืองแหล่งธรรมชาติ

ส่วนการเดินทางจากสนามบินมุ่งสู่ใจกลางเมือง สามารถเลือกนั่งรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ หรือรถบัสเพื่อเข้าไปยังสถานีเซนไดได้โดยตรง แนะนำให้เลือกซื้อตั๋วรถประเภท 1 วัน “Sendai Area Pass” ที่มี

ออปชั่นเดินทางทั้งรถไฟฟ้า รถบัส และรถลูปเปอร์หรือรถรางเซนไดได้อย่างไม่จำกัด ในราคาผู้ใหญ่ ใบละ 1,320 เยน หรือราว 370 บาท และยังมีบริการรถเดินทางไปยังเมืองและจังหวัดอื่นข้างเคียง (ดูข้อมูลเพิ่มได้ที่ sendai-airport.co.jp)

น้ำตกอะคิอุโอทากิ

แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ประเดิมที่ น้ำตกอะคิอุโอทากิ น้ำตกยักษ์กว้าง 6 เมตร ความสูง 55 เมตร มีขนาดใหญ่ติดหนึ่งในสามของญี่ปุ่น รวมถึงแหล่งน้ำพุร้อนออนเซ็นบริเวณรอบนอกของตัวเมืองอีกหลายแห่งเป็นการเพิ่มบรรยากาศการท่องเที่ยวตามฤดูกาล

จากปราสาทเซนได มองเห็นเมืองเซนได

โดยเฉพาะช่วงเดือนพ.ย.เป็นต้นไปที่เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง นักท่องเที่ยวจะพบกับใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี ก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว ที่ตัวเมืองจะเต็มไปด้วยสีสันของใบไม้ บริเวณถนนโจเซ็นจิ ที่มีอุโมงค์ต้นไม้ปกคลุม ตามมาด้วยงานประดับไฟสุดยิ่งใหญ่รับเทศกาลปีใหม่ที่จะเริ่มตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค.เป็นต้นไป ในช่วงนี้เหมาะแก่การเดินทางไปเล่นสกีตามหุบเขาด้วย

ทางเข้าปราสาทเซนได

เซนได เมืองแห่งต้นไม้

เซนได ยังเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่มีอายุยาวนาน จึงไม่พลาดที่จะมาดูซากปราสาทเซนได หรือ ปราสาทอาโอบะ ที่สร้างด้วยหินกว่า 620,000 ก้อน แต่หลงเหลือเพียงหอสังเกตการณ์กับซุ้มประตู โทอิริ หลังปราสาทถูกระเบิดทำลายช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

รูปปั้นมาซามูเนะ ดาเตะ

ปราสาทแห่งนี้ยังมีรูปปั้น “มาซามูเนะ ดาเตะ” ซามูไรขุนนางศักดินาผู้ก่อตั้งและปกครองแคว้นเซนไดในสมัยต้นยุคเอโดะ อันมีฉายาว่า “มังกรตาเดียว” สวมหมวกเกราะรูปจันทร์เสี้ยว นั่งขี่หลังม้า ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ตัวมาสคอตของเมืองเซนไดที่ชื่อว่า “มูซูชิบารุ” ซามูไรหัวข้าวปั้น จึงทำให้นักท่องเที่ยวต้องแวะเวียนมาชมกัน

ส่วนวัดวาอารามที่น่าแวะเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมมีหลายแห่ง แต่ทริปนี้ เราไปกันที่ วัดจิเก็นจิ ที่มี พระโอชินุมะ (ไดอาจิรา เรียวขุน ชิโรนุมะ) จากศาสนาพุทธนิกายชินก่อง หนึ่งใน 36 นิกายของศาสนาพุทธในญี่ปุ่น เป็นที่ศรัทธาในหมู่ชาวบ้านมาก

บรรยากาศย่านธุรกิจ

ถนนคนเดินทางยาวนับกิโลฯ

ด้วยความที่เป็นเมืองเศรษฐกิจการท่องเที่ยว สายช็อปปิ้งย่อมหนีไม่พ้น ต้องไปละลายทรัพย์กันที่ย่านอาโอบะโดริอิจิบันโจ ถนนคนเดินที่ทางยาวนับกิโล มีสิ่งของเครื่องใช้และสินค้าแฟชั่นต่างๆ มากมาย ให้อยากเสียเงิน มีทั้งห้างใหญ่อย่างพาร์โก้ หรือห้างดอง กิโฮเต้ ที่เปิดทำการ 24 ชั่วโมง

ใกล้เคียงยังมีแหล่งช็อปปิ้งในบริเวณสถานีรถไฟใต้ดิน สถานีสวนโคโตได หรือชานเมืองที่อิซุมิ พรีเมียมเอาต์เล็ต และมิตซุย เอาต์เล็ต ที่ท่าเรือเซนได

แหล่งช็อปปิ้งในร่ม

เมื่อเที่ยวจนหิวท้องกันแล้ว ถึงเวลาเสิร์ฟอาหารชึ้นชื่อของ เซนได นั่นก็คือ ลิ้นวัวย่าง ซึ่งเซนไดเป็นเมืองต้นกำเนิดที่มาแล้วจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด ด้วยสัมผัสของเนื้อที่ไม่เป็นเครื่องในเสียทีเดียว ทั้งยังมีน้ำชุ่มฉ่ำทำให้ได้รสที่หอมหวานและนุ่มปน กรุบกรอบ เช่นเดียวกับ เซนไดกิว หรือ เนื้อวัวเซนได ที่ได้รับการยกย่องว่ามีคุณภาพสูงสุดในประเทศ เป็นเนื้อวัววากิวขนดำในจังหวัดที่มีสมดุลเนื้อแดงและลายหินอ่อนอันเป็นเอกลักษณ์ และจะได้รับอรรถรสยิ่งขึ้นเมื่อกินคู่กับสาเก ซึ่งภูมิภาคโทโฮกุได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น

เนื้อวัวย่าง

ข้าวหน้าปลาไหล

ตบท้ายด้วย ขนมซุนดะ หรือถั่วแระบดที่มีหลากหลายชนิด เป็นได้ทั้งของคาวหวานและขนมฟิวชั่น

หากใครไม่ชอบกินเนื้อ เซนไดยังเป็นแหล่งประมงขนาดใหญ่ที่มีถนนสายซูชิ เรียงรายสองข้างทางในสถานีรถไฟเซนไดให้เลือกลิ้มลอง

ขยับออกมานอกตัวเมืองเซนได ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่ใช้เวลาเดินทางเพียง 30 นาที ถึง 2 ชั่วโมง เริ่มกันที่เมืองฝั่งตะวันตก “อะคิคุ-ซาคุนามิ” เดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายเซ็นซัน ไปที่แหล่งบ่อน้ำร้อนที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุ บันทึกประวัติศาสตร์ยังบอกว่าบ่อบางแห่งมีอายุนานถึง 1,500 ปี และยังมีโรงแรมที่พักเปิดให้บริการ

ตอนล่างลงมา แวะไปเที่ยวกันที่ “ชิโรชิอิ” มีหมู่บ้าน ซะโอคิสึเนะ เป็นสวนสัตว์เปิดที่เลี้ยงสุนัขจิ้งจอกหลายสายพันธุ์ที่จัดกิจกรรมน่ารักๆ ให้นักท่องเที่ยวได้มาเล่นหรือให้อาหารสัตว์ จากนั้นไปต่อกันที่

โอกะวาระ ชมดอกซากุระบานสะพรั่งตามแม่น้ำและเทือกเขายาวกว่า 8 กิโลเมตร ก่อนจะลงไปที่ปราสาทชิโรชิอิ ซึ่งเคยเป็นที่พักอาศัยของเหล่าซามูไรในอดีต

หมู่บ้านกินซัง ออนเซ็น เป็นอีกสถานที่น่าประทับใจ มีอายุกว่า 100 ปี เดิมทีเคยเป็นหมู่บ้านเหมืองแร่มาก่อน หลังปิดการทำเหมืองไป ก็กลายมาเป็นหมู่บ้านออนเซ็นอย่างเดียว และยังเป็นต้นกำเนิดละครเรื่อง สงครามชีวิตโอชิน อีกด้วย

หมู่บ้านกินซัง ออนเซ็น

เมืองต่อมาคือ “ซะโอ้” ที่ตั้งของทะเลสาบโอกามะ ทะเลสาบบนปากปล่องภูเขาไฟที่ทอดผ่านระหว่างจังหวัดมิยากิและยามากาตะ ที่แสงแดดจะมีผลต่อสีผิวน้ำ นอกจากนี้ในช่วงฤดูหนาว ยังมีปรากฏการณ์ Snow monster ที่หิมะปกคลุมลำต้นไม้ซึ่งหาดูได้ยาก

เมืองสุดท้ายเป็นแหล่งสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม “มัตสึชิมะ” ที่ตั้งของวัดซุยกันจิ วัดนิกายเซน ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติ นอกจากนี้ยังมี วัดเอ็นซูอิน ที่ขึ้นชื่อเรื่องขอพรความรัก ภายในจัดสวนแบบญี่ปุ่นอย่างสวยงาม และช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะยิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาแวะเวียนกันอีกมาก

ด้วยศักยภาพทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเหล่านี้เอง ทำให้เซนไดเป็นประตูบานสำคัญที่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เล็งเห็นโอกาสและหวนกลับมาเปิดเส้นทางบินตรงจากกรุงเทพฯ สู่เซนไดอีกครั้ง หลังประสบปัญหามรสุมการเมืองไทยเมื่อราวปี 2556-2557

การบินไทยเปิดเส้นทางการบินกรุงเทพฯ-เซนได

การบินไทยให้บริการเที่ยวบินไป-กลับ กรุงเทพฯ- เซนได ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 และ 777-300 มีที่นั่งชั้นธุรกิจ 30 ที่นั่ง ชั้นประหยัด 279 ที่นั่ง บิน 3 เที่ยวต่อสัปดาห์

ตัดริบบิ้นเที่ยวบินปฐมฤกษ์

1.เที่ยวบิน ทีจี 626 ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เวลา 23.59 น. ถึงเซนได เวลา 07.00 น. ของวันรุ่งขึ้นตามเวลาท้องถิ่น

2.เที่ยวบิน ทีจี 627 ทุกวันพุธ วันศุกร์ และอาทิตย์ ออกจากเซนได เวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ถึงกรุงเทพฯ เวลา 16.00 น.

การบินไทยยังจัดทัวร์เอื้องหลวง ให้ผู้โดยสารทั้งรูปแบบส่วนตัวหรือหมู่คณะ เที่ยวบินในประเทศและต่างประเทศ สามารถเลือกซื้อแพ็กเกจเที่ยวได้หลายรูปแบบ โดยมีมัคคุเทศก์ผู้ชำนาญคอยแนะนำอีกด้วย

ผู้สนใจตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมรับข้อเสนอพิเศษได้ที่เว็บไซต์ ThaitravelCenter.com

พุฒิสรรค์ แก้วบัวดี