สวีตสวิส‘จุงเฟรา’เขาริกิ-มัตเทอร์ฮอร์น
สวีตสวิส‘จุงเฟรา’ – เสียงกระดิ่งวัวดังกรุ๋งกริ๋งสลับเสียงวัวในรถไฟฟ้าที่วิ่งมารับหลังลงจากเครื่องบินพาเข้าสู่อาคารผู้โดยสารสนามบินซูริก เสมือนเสียงต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกสู่ดินแดนทุ่งหญ้า ป่าเขา หิมะ และช็อกโกแลตเลื่องชื่อ
สวิตเซอร์แลนด์ ประเทศที่ได้ชื่อว่าเครือข่ายการคมนาคมเป็นระบบสุดๆ รถไฟ รถเมล์ รถราง เรือกลไฟ เข้า–ออก สอดรับกันตรงเวลาเป๊ะ! ตั๋ว “สวิสทราเวลพาส” ใบเดียว บวกเงินสำรองติดกระเป๋าและบัตรเครดิต นับเป็นเพื่อนเดินทางที่ดีเยี่ยม ขึ้นรถเมล์ รถไฟ ลงเรือได้ไม่จำกัดเที่ยวตลอดวัน ตามจำนวนวันที่ระบุไว้ในบัตร และยังช่วยลดราคาค่าตั๋วขึ้นเขาชื่อดัง ผ่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์ได้ฟรีทั่วประเทศ
คนในวัยครึ่งคน ถนัดภาษาอังกฤษระดับอะลิตเติ้ลบิต ศึกษาไกด์บุ๊ก “Trip To SWISS” เขียนโดย อดิศักดิ์ จันทร์ดวง โหลดแอพฯ การรถไฟสวิส พร้อม!! ก็แบกเป้ลากกระเป๋าเดินทาง ท่องเที่ยวไปในประเทศที่ได้ชื่อว่า “A Must” แห่งนี้ได้แล้ว
3 คืนแรกปักหลักเมืองอินเทอลาเค่นที่ขนาบด้วย 2 ทะเลสาบ “ทูน” และ “เบรียนซ์” โดยมียอดเขา “ฮาร์เดอร์ คลุม” ให้ขึ้นไปชมวิวสองทะเลสาบพร้อมกัน ไม่เพียงเมืองจะสวยงามในแบบเมืองท่องเที่ยวชนบท แต่ยังเป็นชัยภูมิที่ดีในการเดินทางขึ้นไปพิชิตยอดเขาชื่อดัง “จุงเฟรา จ็อก” และ “มัตเทอร์ฮอร์น” อีก 5 คืนหลังปักหลักเมืองซูริก เมืองใหญ่ที่ไม่ใช่เมืองหลวง ออกเที่ยวเมืองโดยรอบ
โปรแกรมที่วางไว้แน่นขนัดจนไม่มีจังหวะวางหมุดหมาย เยือนกรุงเบิร์น เมืองมรดกโลกที่มีคนยกให้เป็นเมืองหลวงที่สวยงามที่สุดในโลก!!
แต่แล้ว..เสน่ห์ของการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเอง สิ่งที่ไม่คาดคิดย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ…
ทันทีที่รู้ข่าวว่าจะไปเยือนสวิส เพื่อนใจดีขับรถมารับถึงสนามบินซูริกพาไปเที่ยวบ้านที่กรุงเบิร์น จึงได้สัมผัสความงามเมืองหมี เมืองมรดกโลกที่โอบล้อมแม่น้ำอาเรอสีเขียวมรกต เมืองแห่งน้ำพุโบราณและหอนาฬิกาใหญ่ “ไซต์ล็อก” สัญลักษณ์กรุงเบิร์น สร้างขึ้นในปีค.ศ.1530
ตกเย็นเพื่อนขับรถพาไปส่งถึงที่พักในเมืองอินเทอลาเค่น แวะชมพระอาทิตย์ตกริมทะเลสาบเมืองทูนอันเลื่องชื่อ โดยมีเทือกเขาปกคลุมด้วยหิมะเป็นฉากหลัง หนุ่มสาวมานั่งจิบบรรยากาศสุดสวีต
รุ่งขึ้น มีนัดกับยอดเขาชื่อดัง “จุงเฟรา” สวิสพาสเริ่มทำหน้าที่พานั่งรถไฟลัดเลาะลำธารใส ขุนเขาสูง กระท่อมน้อย “สวิส ชาเลต์” สู่เมืองกรินเดลวาลด์ เพื่อต่อรถไฟสีเหลืองคาดเขียวมุ่งสู่สถานีไคเนไชเดก จุดที่รถไฟสีแดงคาดเหลืองรอพาทุกคนขึ้นสู่ “จุงเฟรา จ็อก” สถานีรถไฟที่ได้ชื่อว่า “ท็อป ออฟ ยุโรป” ที่ความสูง 3,453 เมตร โดยมียอดเขาสามเกลอ “ไอเกอร์ เมินซ์ และจุงเฟรา” อวดความงามอลังการอยู่เบื้องหน้า
ผู้ที่หวังพลิกโฉมการเที่ยวภูเขาเอาชนะธรรมชาติอันสูงชันซึ่งมีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี คือ “อดอล์ฟ กุยเยอร์ เชลเลอร์” เริ่มลงมือสร้างทางในปีค.ศ.1896 กว่าจะแล้วเสร็จใช้เวลานานถึง 16 ปี ค่ารถไฟราคาไม่ถูกที่ต้องจ่ายเพิ่มจากสวิสพาส เมื่อเทียบกับความงามอลังการของขุนเขาหิมะและธารน้ำแข็ง “กราเซีย” นับว่าคุ้ม!!
ระหว่างทางคืออีกหนึ่งความงามของการเดินทาง รถไฟค่อยๆ ไต่ระดับ ผ่านบ้านเรือนหลังเล็ก น่ารัก และป่าเขาที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีก่อนผลัดใบ มุดเข้าอุโมงค์สู่สถานี “จุงเฟรา จ็อก” เผยให้เห็น “กราเซีย” ธารน้ำแข็งอันอลังการที่รอ บอกมนุษย์ให้รู้ซึ้งถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ
ภายในสถานีจัดเป็นเส้นทางเดินเที่ยว ที่วังน้ำแข็ง หรือ “Ice Palace” เย็นเฉียบเพราะเจาะลึกลงไปในธารน้ำแข็งกว่า 30 เมตร มีประติมากรรมน้ำแข็งให้ชม ก่อนพาสู่ลานหิมะกว้างด้านบนให้ถ่ายรูปกับ ธงชาติสวิสราวผู้พิชิตยอดเขาจุงเฟรา โดยมีหอคอยสฟิงซ์ตั้งโดดเด่นให้ขึ้นไปชมทิวเขาหิมะโดยรอบ
ขากลับจับรถไฟกลับอีกเส้นทางไม่ซ้ำวิวเดิม ผ่าน เมืองเวิงเงิน สู่ เมืองเลาเทอ บรุนเน่น เมืองแห่งสายน้ำตก “ชเตาต์บาค” อันสวยงามและน่าตะลึง ซึ่งไหลลงมาจากหน้าผาสูงชันสู่ใจกลางเมือง
ด้วยเป็นถึงสัญลักษณ์ประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ ค่ายหนังพารา เมาท์พิกเจอร์ และช็อกโกแลต ท็อบเบิลโรน “มัตเทอร์ฮอร์น” ยอดเขาทรงพีระมิดสูงโดดเด่นบนเทือกเขาแอลป์จึงเป็นอีกจุดหมายสำคัญที่ต้องไปเยือน
เปิดแอพฯ เช็กเที่ยวรถไฟ นั่งไปเปลี่ยนขบวนที่เมือง Spiez และ Visp สองชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงเมืองไร้มลพิษ “Zermatt-เซอร์แมตต์” หรือ “แซร์มัตต์”
เดินออกจากสถานีรถไฟ มัตเทอร์ฮอร์น ก็อวดความงามมาให้ชมจากพื้นราบแล้ว!!
ข้ามฝั่งเข้าไปซื้อตั๋วในสถานีรถไฟกอร์แนร์กราต ซื้อตั๋วแล้วต้องซื้อ “ช็อก โกแลตท็อบเบิลโรน” ด้วย
รถไฟค่อยๆ ไต่ระดับสู่เทือกเขาหิมะขาวโพลน “มัตเทอร์ฮอร์น” อวดความงามหลากมุมตามติดชนิดไม่คลาดสายตา ผ่านสถานี Findelbach และ Riffelalp จนถึงสถานี Riffelberg นักท่องเที่ยวหลายคนแวะชมมัตเทอร์ฮอร์นที่สถานีนี้ก่อนเดินไต่เขาสู่สถานี Rotenboden ขอสัมผัสความงามของธรรมชาติรอบกายพร้อมก้าวย่างแบบช้าๆ โดยมีสถานีปลายทางบนยอดเขากอร์แนร์กราตที่ความสูง 3,089 เมตร
“มัตเทอร์ฮอร์น” สูงเสียดฟ้าสง่างามดูท่าทางจะเขินอาย เมฆก้อนน้อยลอยมาบดบังเป็นระยะ เมฆบางก้อนนิ่งอยู่นานไม่ขยับเขยื้อนไปไหนง่ายๆ ด้วยยอดเขาคงหนาวเย็นจึงไม่ง่ายที่จะชมความงามของ มัตเทอร์ฮอร์นทั้งลูก สมฉายา “นางฟ้า ขี้อาย” เทือกเขาหิมะโดยรอบที่โอบธาร น้ำแข็งอันอลังการ โบสถ์เล็กสีขาวตัด กับฟ้าสีฟ้า ภาพความงามรอบกายส่งให้ยอดเขา “กอร์แนร์กราต” งดงามราวสวรรค์
หยิบพร็อพมาแชะภาพ “ท็อบเบิลโรน–มัตเทอร์ฮอร์น” แบบที่เขาทำกัน ทาบทับกันสนิทเป๊ะ!!
ที่กลางฟ้า อาทิตย์ทอแสงขับ “มัตเทอร์ฮอร์น” ให้สวยงามในอีกแบบขณะรถไฟไต่ลงจากยอดเขา ช่างภาพมือโปรยกกล้องคอยเก็บภาพความงามทุกอิริยาบถแห่งขุนเขา เรา..ช่างภาพมือสมัครเล่นได้จังหวะเก็บภาพ “ช่างภาพ–มัตเทอร์ฮอร์น” มือโปรชอบมาก ขอให้ส่งภาพนี้ทางอีเมล์
สวิสยังมีเขาลูกดังให้เลือกชมอีกมาก ทั้ง ทิตลิส ซิลธอร์น..แห่งเจมส์ บอนด์ 007 ขอพักขุนเขาลูกใหญ่ใช้สิทธิ สวิสพาสล่องเรือชมความงามท้องทะเลสาบลูเซิร์นสู่ยอดเขาริกิ
เรือกลไฟค่อยๆ แล่นออกจากท่า ประวิงเวลาให้นั่งชมปราสาทบ้านเรือนริมสายน้ำแสนสวยไปอย่างเนิบช้า โดยมี เทือกเขาหิมะสีขาวอวดความหวานอยู่ ณ ปลายน้ำ
นั่งชิลๆ เพลินๆ ลุกเดินไป–มา ราว 1 ชั่วโมง เรือแล่นถึงหมู่บ้านวิตซ์เนา รถไฟสีแดงมาจอดรอรับนักท่องเที่ยวเหมือนรู้กัน พาขึ้นสู่ยอดเขาริกิ หน้าต่างที่เปิดโล่ง สูดอากาศบริสุทธิ์บนขุนเขาได้เต็มปอด ชมกระท่อมน้อย ร้านรวง ร้านอาหาร สถานีเล็กๆ น่ารักระหว่างทาง เข้าใกล้วิถีชีวิตคนบนดอยริกิแล้วนึกอยากลากกระเป๋าขึ้นมานอนเล่นบนนี้บ้าง
ทิวทัศน์บนยอดเขาริกิถึงแม้จะไม่ ยิ่งใหญ่อลังการ แต่ได้ชื่อว่า “ราชินีแห่งเทือกเขา” ทะเลสาบลูเซิร์นสีครามใส ขุนเขาป่าไม้รอบตัว ตัดกับฟ้าสีคราม ให้อีกภาพงามแห่งสวิส
เรือกลไฟพากลับมาชมสัญลักษณ์เมืองลูเซิร์น สะพานไม้โบราณ “คาเพลล์บรึกเคอ” ข้ามปากแม่น้ำรอยส์ โดยมีหอคอยแปดเหลี่ยมตระหง่านอยู่กึ่งกลางสะพาน สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1333 เพื่อใช้เป็นเส้นทางสัญจรระหว่างสองฝั่งแม่น้ำ บนคานไม้ใต้หลังคากลางสะพานมีภาพเขียนทรงหน้าจั่วบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
ท้องฟ้าเริ่มมืด สาวเท้าก้าวฉับๆ ไปเยือน “อนุสาวรีย์สิงโตสะอื้น” ของขวัญที่รัฐบาลฝรั่งเศสสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติและรำลึกถึงทหารรับจ้างชาวสวิส 786 นาย ที่เสียชีวิตในการปกป้องพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารีอังตัวแนตต์ ช่วงปฏิวัติฝรั่งเศส ปี 1792
ช่วงท้ายของทริปหลังช็อปปิ้งและตระเวนเที่ยวเมืองซูริกสวิสพาสพากลับไปเยือนเมือง อินเทอลาเค่นตามใจอยากอีกหน
นั่งรับลมอยู่ริมสนามหญ้าใจกลางเมือง เพลิดเพลินกับนักเล่นพาราไกลดิ้งที่เรียงรายร่อนตัวลงสู่ผืนหญ้า เสียงกรุ๋งกริ๋งลอยมาเบาๆ ไกลๆ ไพเราะจนต้องออกเดินตามหาที่มา
วัวตัวใหญ่ฝูงเล็กกำลังและเล็มหญ้ากลางทุ่ง เสียงกระดิ่ง คอวัวซึ่งขยับไปมาดังสอดรับประสานกันราวเสียงดนตรี โดยมีขุนเขาหิมะเป็นฉากหลังอันงดงาม
เสียงเดียวกับที่ได้ยินในวันแรกที่ก้าวลงจากเครื่องบิน…
สู่สวิส..แดนสวีต สุดแสนโรแมนติกแห่งนี้!!