‘มอเตอร์ไซค์ฮ่าง มอเตอร์ไซค์ฮ่าง เขาหมางเมิน อยากจะกู้เงินสหกรณ์ ผ่อนรถยนต์…’

เราเชื่อว่า หลายคนยังคิดถึงบทเพลงนี้ รวมไปถึงตัวคนร้องอย่างแน่นอน

การจากไปของ เชิด ร็อคแสลง เจ้าของเพลง ‘มอเตอร์ไซค์ฮ่าง’ ที่ฮิตกันทั่วเมือง ได้สร้างความโศกเศร้า และความประหลาดใจให้กับคนใกล้ชิด เนื่องจากปกติเขาเป็นคนที่มีสุขภาพดี จึงไม่มีใครคิดว่าเขาจะจากไปด้วยโรคตับในวัยเพียง 40 ปีเท่านั้น

จนเมื่อได้รับฟังเรื่องราวของคุณเชิดจาก คุณปาริชาติ เจตนา ผู้เป็นภรรยา ทำให้เราได้เห็นร่องรอยของสาเหตุการเสียชีวิตที่เพิ่งได้รู้ จากคำบอกเล่า คุณเชิดเริ่มดื่มแอลกอฮอล์มาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น และพอเริ่มทำงานร้องเพลงที่คาเฟ่ ยิ่งทำให้ต้องดื่มมากขึ้น ทั้งการดื่มกับลูกค้า กับเพื่อนฝูง จนอาการผิดปกติครั้งแรกปรากฏขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน

“พี่เชิดดื่มตลอด แทบทุกวัน ถึงขั้นชัก ตอนกำลังถูกพาไปสแกนสมอง หัวใจก็ล้มเหลว ต้องปั๊มหัวใจนานกว่า 5 นาที สมองขาดออกซิเจนนานขนาดนั้น หมอบอกว่า เขาอาจกลับมาร้องเพลงเหมือนเดิมไม่ได้ ช่วงนั้นต้องใส่ท่อ คุยกันไม่ได้ เลยใช้วิธีเขียน เขาเขียนบอกว่า ‘พี่ทรมานมาก จะไม่กินเหล้าอีกแล้ว’ โชคดีที่สุดท้ายแล้วหายดี พอออกจากโรงพยาบาล แกเลยเลิกเหล้า…

…แต่ก็เลิกได้แค่ 4 ปี ”

คุณเชิดกลับมาดื่มเหล้าอีกครั้ง เพราะทนการรบเร้าของเพื่อน และจิตใจของตนเองไม่ไหว ดื่มติดต่อเรื่อยมา จนเกิดอาการเท้าบวมไม่ยอมยุบ เข้าโรงพยาบาลรอบที่ 2 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา (ปี 2562)

“หมอวินิจฉัยว่า แกเป็นโรคตับระยะที่ 1 ซึ่งยังไม่รุนแรง ถ้าหยุดดื่มตอนนี้ ตับจะสามารถฟื้นฟูได้”

โรคตับระยะที่ 1 ไขมันแทรกในตับ หรือ Fatty Liver เป็นระยะเริ่มต้นเจอได้บ่อยที่สุดในผู้ดื่มแอลกอฮอล์ มักจะไม่มีอาการใด ๆ ให้สังเกต ผู้ป่วยอาจมีเพียงอาการอ่อนเพลียหรือเหนื่อยง่าย จากภาวะที่การเสียสมดุลของการใช้พลังงานในตับ การสะสมของไกลโคเจนในตับลดลง รวมทั้งบางครั้งอาจจะมีอาการเจ็บบริเวณชายโครงข้างขวาซึ่งเป็นที่อยู่ของตับ

การตรวจเลือดอาจพบมีการทำงานของตับผิดปกติไป โดยผู้ที่มีไขมันแทรกในตับจะมีเอนไซม์ตับผิดปกติประมาณ 50% หากตรวจร่างกายจะพบว่าตับมีขนาดใหญ่ขึ้นแต่มีผิวเรียบ แต่ถ้าตรวจอัลตร้าซาวนด์จะพบว่า ลักษณะของเนื้อตับมีสีขาวขึ้นหรือสีดำมากขึ้น

โดยอาการไขมันแทรกในตับที่เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระยะต้นและปานกลางสามารถหายได้เองถ้าผู้ป่วยหยุดดื่มแอลกอฮอล์ แต่ถ้าเป็นระยะรุนแรง หรือระยะตับเป็นพังผืด ตับที่เสียหายไปแล้ว จะไม่สามารถฟื้นฟูกลับคืนได้

ซึ่งน่าเสียดายสำหรับคุณเชิดที่ละทิ้งโอกาสสำคัญที่จะฟื้นฟูตับไป คุณปาริชาติเล่าว่า ช่วงวันไหลพัทยา คุณเชิดออกไปดื่มหนักกับเพื่อนๆ โดยไม่รู้ว่า การดื่มในครั้งนั้นจะทำให้อาการป่วยก้าวกระโดดจากโรคตับระยะแรกมาเป็นระยะสุดท้ายโดยใช้เวลาห่างกันเพียงแค่ 1 เดือน

“วันนั้นเขาออกไปดื่มกลับมาตี 2 ตี 3 กินก๋วยเตี๋ยวแล้วอาเจียนออกมาเป็นเลือด หน้าเหลืองซีดมาก ตัวก็ร้อน สัก 6 โมงเช้าก็พาไปโรงพยาบาล ระหว่างทางยังคุยกันได้ตลอด แต่พอถึงหมอ เขาเอาเข้าห้องฉุกเฉินเลย บอกว่าอาการหนักเพราะเลือดออกเยอะมาก หมอดูดเลือดออกจากกระเพาะอาหารหลายลิตร เลือดก็ยังไหลไม่หยุด คนไข้สภาวะหัวใจเต้นเร็วมาก 200 ความดันตกเหลือ 30”

“พอฟื้นขึ้นมา คุยรู้เรื่อง กินข้าวได้ เขาบอกว่า คราวนี้จะเลิกจริงๆ จะขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ จะได้กลับมาทำงานเพลง”

อนิจจา หลังจากผ่านการรักษาได้ไม่กี่วัน เส้นเลือดก็กลับมาแตกซ้ำอีก ทำให้เลือดออกหู ออกจมูก ออกปาก ออกทางทวาร ไหลเยอะมาก แม้หมอให้เลือดไป 8 ถุง แต่ก็ยังไหลช้ากว่าเลือดที่ไหลออก

“หมอเรียกเข้าไปคุยแล้วบอกว่า เขากำลังจะไปเร็วๆนี้นะ หนูงงว่า เป็นไปได้ยังไง แค่ 3 วันเอง มันหนักขนาดนั้นเลยเหรอ แต่หลังจากนั้นไม่นาน แกก็จากไป ไม่ทันแม้แต่จะได้เห็นหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้าย”

ก่อนจบการสนทนา คุณปาริชาติได้เล่าถึงความฝันของคุณเชิดว่า ในบั้นปลายคุณเชิดอยากกลับไปอยู่บ้านนอก สร้างบ้านหลังเล็กๆ ไม่ต้องการมีชื่อเสียงหรือเงินทองมากมาย แค่ได้อยู่ด้วยกัน 3 คนพ่อแม่ลูกก็พอ แต่ช่างน่าเศร้าใจยิ่งที่เหล้ากลับทำให้เขาไปไม่ถึงฝั่งฝัน…

นอกจากบทเพลงของเชิด ร็อกแสลง ที่จะตราตรึงอยู่ในจิตแฟนเพลงไปตลอดกาล เราเชื่อว่า บทเรียนชีวิตของชายผู้นี้จะเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคนได้หันมาใส่ใจสุขภาพ เลิกเหล้า เลิกดื่มเพื่อตัวเอง และคนที่รัก

คิดเลิกดื่มโทร. ศูนย์ปรึกษาปัญหาสุรา 1413 หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.stopdrink.com

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน