หลวงพ่อปี้ ทินโน วัดลานหอย สุโขทัย

คอลัมน์ อริยะโลกที่ 6

พระครูสุวิชานวรวุฒิ หรือ “หลวงพ่อปี้ ทินโน” พระเกจิชื่อดัง อดีตเจ้าอาวาสวัดคูหาสุวรรณ (วัดลานหอย) ต.ธานี อ.เมือง จ.สุโขทัย ท่านเป็น 1 ใน 108 พระเกจิคณาจารย์ ทรงวิทยาคมที่ได้รับการนิมนต์เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกสุดยอดพระเครื่องของเมืองสยาม คือ พระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ

ถือกำเนิดขึ้นในตระกูล ชูสุข เมื่อวันพุธที่ 15 ต.ค.2455 ที่ ต.ลานหอย อ.บ้านด่าน ลานหอย จ.สุโขทัย

คำว่า “ปี้” นั้นหมายถึง เงินตราสมัยโบราณ

เมื่ออายุ 12 ปี บิดานำไปฝากให้เรียนหนังสือมูลบทบรรพกิจ ทั้งหนังสือไทยและหนังสือขอมกับพระอธิการหน่าย เจ้าอาวาสวัดเชิงคีรี อ.บ้านด่านลานหอย

ต่อมาอายุ 16 ปี บิดาเสียชีวิตจึงต้องกลับมาช่วยเหลือครอบครัว โดยไปรับจ้างเลี้ยงควายและทำนา

ครั้นอายุครบ 20 ปี ประสงค์จะบวช แต่ไม่มีเงินซื้อผ้าไตร แม่จึงพาไปหานายโจทย์ เข็มคง กำนันตำบลลานหอยในขณะนั้น ให้ช่วยเป็นเจ้าภาพ โดยมีเงินไปร่วมงานบวช เพียง 25 สตางค์เท่านั้น

จนได้บวชสมความปรารถนา เมื่อวันที่ 10 พ.ค.2465 ที่พัทธสีมา วัดสังฆาราม อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย โดยมีพระครูวินัยสาร (พระราชประสิทธิคุณ) เจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการน้อย เป็นพระกรรมวาจาจารย์

หลังจากนั้นได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดเชิงคีรี อ.บ้านด่านลานหอย สอบนักธรรมชั้นตรีได้เมื่อปี พ.ศ.2475 และได้เรียนวิปัสสนากัมมัฏฐาน และการธุดงค์กับพระอุปัชฌาย์ของท่านที่วัดราชธานี ก่อนที่จะออกจาริกธุดงค์ไปในสถานที่ต่างๆ หลายจังหวัด

พ.ศ.2481 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดเชิงคีรี พ.ศ.2485 ย้ายมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดลานหอย และได้รับตราตั้งกรรมวาจาจารย์ พ.ศ.2492 เป็นพระอุปัชฌาย์

พ.ศ.2496 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่ พระครูสุวิชานวรวุฒิ พ.ศ.2510 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท

เป็นที่พึ่งทางใจของประชาชนได้เป็นอย่างดี ได้สร้างคุณูปการให้แก่พระพุทธศาสนา โดยได้อบรมพระภิกษุสามเณร และอุบาสก อุบาสิกาที่ไปกราบนมัสการในเทศกาลต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไปในแบบ สนทนาธรรมและปริศนาธรรม

ท่านมีปริศนาธรรมมาก ได้แนะนำให้ประชาชนงดเว้นจากการทุจริต กลับมาประพฤติตนเป็นสุจริตชนได้เป็นจำนวนมาก คนที่มีปัญหาเดือดร้อน ถ้าช่วยได้ท่านก็จะช่วยทันที พร้อมกับให้คติธรรมแนะนำสั่งสอนให้ทำแต่ความดี นอกจากนี้ ได้ให้การอุปถัมภ์การสร้างถาวรวัตถุให้กับวัดในอำเภอ และจังหวัดอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก

ทุกวันจะมีผู้มากราบนมัสการมากมาย ไม่ว่าใครจะนิมนต์ไปปลุกเสกวัตถุมงคลที่ใด ท่านไม่เคยขัด โดยท่านปลุกเสกไว้หลายรุ่นหลายรูปแบบ เช่น พระเครื่อง เครื่องราง แหวนผ้า ธนบัตรขวัญถุง, ผ้ายันต์รอยเท้า ฯลฯ

ส่วนจตุปัจจัยที่ได้จากผู้คนเหล่านั้นก็ได้กลายมาเป็นอุโบสถอันงดงาม รวมทั้งหอสวดมนต์ และสิ่งก่อสร้างอันเป็นสาธารณกุศลอีกมากมาย

ตลอดชีวิตไม่เคยมีใครเห็นหลวงพ่อปี้สรงน้ำ จนมีเรื่องเล่าลือมากมาย ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าเนื้อตัวของท่านสะอาดอยู่ตลอดเวลา

เคยมีคนนมัสการถามเกี่ยวกับการสรงน้ำ ของท่านว่า “ไม่เห็นหลวงพ่อสรงน้ำ?” ท่านก็ตอบว่า “สรงทุกวัน” ทุกคนในที่นั้นเลยนิ่ง แล้วท่านก็ให้นำน้ำมาหนึ่งถัง ทุกคนเฝ้ามองอย่างไม่ละสายตา ก็ไม่เห็นท่านสรง ได้แต่พูดคุยและเอามือลูบตามเนื้อตัวอยู่ตลอดเวลา

ทันใดนั้นปรากฏมีน้ำเปียกชุ่มตามตัวของท่าน สร้างความประหลาดใจและตื่นตะลึงแก่ผู้ที่อยู่ที่นั้นเป็นอย่างยิ่ง!

ตามปกติหลวงพ่อปี้เป็นผู้มีจิตใจสุขุมเยือกเย็น ไม่เป็นคนล้าสมัยเพราะท่านคอยฟังข่าวจากวิทยุและหนังสือพิมพ์อยู่เสมอ

ท่านเคยให้แนวคิดแก่ข้าราชการและนักการเมืองได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีความกตัญญูกตเวทีต่อพระอุปัชฌาย์ เหมือนบิดาบังเกิดเกล้า ยินดีรับภาระทุกอย่างที่พระอุปัชฌาย์มอบให้

ท่านมักปรารภกับผู้ใกล้ชิดเสมอว่า อย่ายึดมั่นถือมั่นสิ่งใดเป็นเด็ดขาด และอย่าดำรงตนอยู่ในความประมาท ใครก็ตามที่มากราบและขอของดี ท่านก็จะให้คาถาบทสำคัญ คือ “ระวัง” หรือ “ความไม่ประมาท” นั่นเอง

มรณภาพด้วยโรคหัวใจวาย ที่โรงพยาบาลสุโขทัย วันที่ 11 ม.ค.2517 สิริอายุ 71 ปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน