วันที่ 17 ส.ค. ที่ สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่ พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รอง ผบช.ภ.5 ร่วมประชุมกับ พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ ศิริเดชอนันต์ ผกก.สภ.แม่ปิง และพนักงานสอบสวน เพื่อติดตามและเร่งรัดคดีที่เด็กสาวอายุ 17 ปี และเด็กหญิง อายุ 12 ปี เชื้อสายลีซู ถูกรถกระบะขับทับจนเสียชีวิตแล้วหลบหนีไป เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งญาติได้เข้าร้องขอความเป็นธรรม

พล.ต.ต.ภาณุเดช เปิดเผยว่า ตั้งแต่วานนี้ (16 ส.ค.) ได้สั่งการให้ สภ.แม่ปิง เร่งรัดตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางและพยานหลักฐาน จนทราบว่ารถกระบะคันดังกล่าว หมายเลขทะเบียน ผบ-8811 เชียงใหม่ มีชื่อ พ.ต.อ.สรโชติ บุญวิเศษ ซึ่งเป็นนายตำรวจ เป็นเจ้าของรถ

โดยได้มีการโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาพูดคุยอ้างว่าลูกชายเป็นคนขับและจะขอเข้าพบกับตน แต่ตนได้ปฏิเสธไปและให้ไปพบพนักงานสอบสวน สภ.แม่ปิง ทั้งนี้ในคดีนี้ตนได้สั่งการให้มีการดำเนินการอย่างเป็นธรรม โดยไม่มีการเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แม้จะเป็นตำรวจ เบื้องต้นจะแจ้งข้อกล่าวหาขับรถประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และชนแล้วหนี โดยให้พนักงานสอบสวนเรียกตัวนายตำรวจนายนี้มาพบภายในวันนี้ (17 ส.ค.) พร้อมทั้งให้นำรถกระบะคันเกิดเหตุมาด้วย เพื่อตรวจร่องรอยและเก็บหลักฐานอย่างละเอียด ส่วนที่อ้างว่าลูกชายขับนั้น ให้ว่ากันไปตามหลักฐาน นอกจากนี้ให้มีการนัดหมายทั้งฝ่ายผู้ก่อเหตุและฝ่ายผู้เสียหายมาพูดคุยเจรจาตกลงเกี่ยวกับการเยียวความเสียหายด้วย

ด้าน พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ เปิดเผยว่า ยืนยันว่าจะดำเนินการตามกฎหมายให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายแน่นอน ซึ่งวันนี้ได้นัดหมายคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาพบพูดคุยกันที่โรงพักแล้ว เบื้องต้นจะให้มีการขอโทษขอโพยและอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน รวมทั้งเจรจากันในเรื่องของการรับผิดชอบให้ความช่วยเหลือและเยียวยาความสูญเสียที่เกิดขึ้น ซึ่งในส่วนของการดำเนินคดีนั้น ต้องทำควบคู่กันไปด้วย

จากนั้นเมื่อเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน นายเจริญ สินลี้ ประธานสมาพันธ์ลีซูแห่งประเทศไทย พร้อมนางจิตตานันท์ เลาลี อายุ 39 ปี ป้าของเด็กสาวทั้ง 2 คนที่เสียชีวิต และญาติได้เดินทางมาถึง สภ.แม่ปิง เพื่อรอพบและพูดคุยเจรจากับคู่กรณี จากนั้นประมาณ 30 นาที นายนพรุจ บุญวิเศษ ลูกชายของ พ.ต.อ.สรโชติ บุญวิเศษ ได้เดินทางมาถึง ระบุว่าเป็นตัวแทนของครอบครัวมาพูดคุยกับฝ่ายผู้เสียหาย แม้เบื้องต้นจะยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนขับรถเพราะอยู่ จ.หนองคาย และเพิ่งเดินทางด้วยเครื่องบินมาถึงและรีบมาที่สถานีตำรวจทันที แต่ทางครอบครัวเสียใจอย่างมากและพร้อมจะแสดงความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดห้องประชุมให้ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกัน

หลังจากการพูดคุยกันนานประมาณ 15 นาที นายนพรุจ เปิดเผยว่า เบื้องต้นการพูดคุยกังทางฝ่ายผู้เสียหายเป็นไปด้วยดี และตนได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปบางส่วน อย่างไรก็ตามทางฝ่ายผู้เสียหายยังไม่พร้อมที่จะพูดคุยเจรจากับตนเพียงคนเดียว แต่ต้องการที่จะพบและพูดคุยกับคนที่ขับรถกระบะที่เกิดเหตุด้วย ซึ่งตนยังไม่ทราบจริงๆ ว่าใครขับกันแน่ และยังไม่ทราบรายละเอียดใดๆ จึงจะกลับบ้านไปพูดคุยกับครอบครัวก่อน แล้วกลับมาพบกับคู่กรณีที่สถานีตำรวจอีกครั้งในช่วงค่ำวันนี้ โดยย้ำว่าครอบครัวเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นและจะช่วยเหลือรับผิดชอบเยียวยาอย่างเต็มที่ที่สุด

ส่วนนายเจริญ สินลี้ เปิดเผยว่า จากการเจรจาขั้นต้นกับตัวแทนคู่กรณีที่ทราบว่าเป็นลูกชายคนโต และคู่กรณีตัวจริงยังไม่ได้มาแสดงตัวซึ่งก็เป็นที่น่าพอใจ แต่หากจะให้เรื่องการเจรจาดำเนินเสร็จสิ้นนั้นก็ต้องให้ทางคู่กรณีตัวจริงเข้ามาพูดคุย เนื่องจากฝ่ายผู้เสียหายเข้าใจว่าในวันนี้คู่กรณีจะเข้ามาพบโดยตรง ทั้งนี้ฝ่ายคู่กรณีได้แสดงความเป็นห่วงและพร้อมที่จะแสดงความรับผิดชอบ แต่ญาติผู้เสียหายก็อยากจะให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว เนื่องจากมีข่าวปรากฏไปทางโซเชียลอย่างแพร่หลายและมีผู้ติดตามเรื่องราว รวมทั้งสอบถามกันมาจำนวนมาก ซึ่งหากเรื่องราวชัดเจนและเสร็จสิ้นทางญาติก็จะได้ตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้

สำหรับการเรียกร้องหรือชดใช้ค่าเสียหายกับทางคู่กรณีนั้น ยังไม่ได้มีการพูดคุยเนื่องจากคู่กรณีตัวจริงยังไม่ปรากฎตัว โดยการตัดสินใจทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับทางคู่กรณี และอยากให้ทางคู่กรณีตัวจริงได้มาแสดงความขอโทษกับทางญาติผู้ที่เสียชีวิตด้วย ส่วนจะมาขอขมาอย่างไรนั้น สุดแล้วแต่ทางคู่กรณีที่จะมีความรู้สึกและจิตสำนึกเช่นไร ซึ่งทางญาติผู้เสียชีวิตตอนนี้ก็ยังไม่สามารถที่จะพูดได้เนื่องจากอยู่ในช่วงเศร้าโศกเสียใจ ทั้งนี้ทราบว่าทางคู่กรณีตัวจริงจะเข้ามาพูดคุยอีกครั้งกับทางญาติในช่วงค่ำเวลาประมาณ 19.00 น. ของวันนี้อีกครั้ง และคงจะมีการเจรจาถึงการเยียวยาและชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน