เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 27 ธ.ค. ชาวบ้านวังหิน หมู่ 1 หมู่ 2 ชาวบ้านวังตะเคียน หมู่ 4 หมู่ 8 และหมู่ 12 จำนวน 5 หมู่บ้าน จำนวน กว่า 200 คน รวมตัวกันบริเวณวัดเขาวงษ์พรมจรรย์ หมู่ที่ 1 บ้านวังหิน ต.วังหิน อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี เพื่อขับไล่พระอธิการบุญส่ง ธมนทินโน เจ้าอาวาสวัดเขาวงษ์พรมจรรย์ ออกจากวัด

โดยชาวบ้านอ้างว่า 1.เจ้าอาวาสทำตัวไม่เหมาะสมการเป็นพระและเจ้าอาวาสวัดมีพฤติกรรมชอบอยู่กับสีกาสองต่อสองในห้องของพระอธิการบุญส่งและในที่ลับหูลับตาตนอยู่เป็นประจำ โดยจะมาเป็นประจำเกือบทุกวัน ทำแบบนี้มาหลายปีแล้วและส่งเสียจนเรียนจบ จนบางครั้งญาติโยมที่เข้าไปธุระภายในวัดพบเห็นอยู่เป็นประจำ

2.วัดเขาวัดเขาวงษ์พรมจรรย์ ได้จัดตั้งมูลนิธิวัดเขาวงษ์พรมจรรย์มานานแล้ว โดยมีเงินกองทุนจำนวนประมาณ 600,000 บาท ตั้งแต่สมัยเจ้าอาวาสองค์ก่อนๆ แต่พอมาถึงพระอธิการบุญส่ง นั้นเงินได้หายไปเป็นบ่างส่วน การเบิกจ่ายเงินไม่มีการประชุมคณะกรรมการ ไม่มีใครรู้เรื่องเงินดังกล่าว ว่าใช้ทำอะไรบ้าง

3.ภายในวัดนั้นได้ปล่อยให้วัดทรุดโทรม ไม่มีการบูรณะ ปฏิสังขรณ์ กุฎิ และสถานที่ต่าง ๆ ภายในวัดปล่อยให้หญ้าขึ้นรก จึงไม่สมควรให้เป็นเจ้าอาวาสวัดต่อไป

โดยมี พ.ต.ท.ภสุ จันทร์สม รอง ผกก.สส.สภเมืองการุ้ง ร.ต.ยงยุทธ นิ่งนึก ผบ.มว.รส.ที่ 1 อ.บ้านไร่ พร้อมกำลังตำรวจ ทหาร กว่า 20 นาย เพื่อป้องกันเหตุเกรงว่าชาวบ้านจะไม่พอใจแล้วเข้าทำร้าย

โดยมีพระครูอุทัยสุทธิคุณ เจ้าคณะอำเภอบ้านไร่ เป็นประธานในการรับฟังข้อร้องเรียนของชาวบ้านในระหว่างที่การร้องเรียนอยู่ในศาลาอยู่นั้นได้มีชาวบ้านหลายคนได้ถือแผ่นป้ายเขียนขับไล่เจ้าอาวาสพระอธิการบุญส่ง ธมนทินโน และส่งเสียงให้ออกไปออกไป

ซึ่งในระหว่างนั้น พ.ต.ท.ภสุ จันทร์สม รอง ผกก.สส.สภเมืองการุ้ง เกรงว่าปัญหาจะลุกลามไปมากกว่านี้ จึงให้ชาวบ้านแต่งตั้งตัวแทนที่เชื่อถือได้ระหว่างชาวบ้าน และพระอธิการบุญส่ง ขึ้นมาเป็นตัวแทน ชาวบ้านและพระอธิการบุญส่ง โดยได้ให้ นายเฉลิมชัย บัวประทุม อดีตกำนันตำบลวังหิน และที่ปรึกษาอดีต สส.จ.อุทัยธานี นายนพดล พลเสน มาเป็นตัวแทนทั้ง 2 ฝาย โดยให้พระอธิการบุญส่ง ธมนทินโน นั้นตอบปัญหาให้กับชาวบ้านเป็นข้อๆไป ตามที่ชาวบ้านร้องเรียนมา และให้นำหลักฐานต่าง ๆ ที่มีมาแสดงให้กับชาวบ้านและคณะกรรมการและตัวแทนสงฆ์ดู

โดยพระอธิการบุญส่ง ธมนทินโน ตอบข้อ 1. ว่าจากกรณีที่ชาวบ้านร้องว่าตนเองนั้นได้อยู่กับผู้หญิงภายในห้องสองต่อสองนั้นว่า ผู้หญิงชื่อเอ๋ ซึ่งเป็นหลานมาอยู่กับตัวเอง 12 ปี มาเรียนคอมพิวเตอร์ภายในห้องและบางครั้งจะมีเพื่อนๆซึ่งเป็นผู้หญิง อีก 2-3 คน มาอยู่ด้วย ภายในห้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 3 เครื่อง ถ้าหากช่วงหน้าร้อนเครื่องคอมพิวเตอร์จะร้อน ตนเองจึงต้องเปิดแอร์ และตั้งไว้ภายในห้อง

2.เรื่องเงินมูลนิธิ วัดเขาวงษ์พรรมจรรย์ ตอนที่ตนรับมาเป็นเจ้าอาวาส ทราบว่ามียอดเงิน จำนวน ประมาณ 600,000 บาท ซึ่งตนไม่ทราบว่าใครเป็นคณะกรรมการและมีญาติโยมบางคนได้กู้ยืมไป โดยมีบัญชีเป็นหลักฐานอยู่ และเงินอีกจำนวนหนึ่งตนได้นำไปทาสีอุโบสถและยอดในบัญชีคงเหลือ ราว 300,000 บาท

ซึ่งในระหว่างนั้นได้มีชาวบ้านบางราย ขอให้เอาใบเสร็จที่ซื้อของและค่าแรงช่างออกมาแสดง แต่เจ้าอาวาสไม่มีหลักฐาน มีแต่หลักฐานที่ชาวบ้านกู้ยืมเงินไปเท่านั้น

หลังจากพระอธิการ บุญส่ง ตอบเสร็จ ชาวบ้านทั้งหมดต่างไม่พอใจ พร้อมด้วยส่งเสียงขับไล่พระอธิการบุญส่งอย่างไม่พอใจและให้ออกจากวัดโดยด่วน หลังจากนั้น พระครูอุทัยสุทธิคุณ เจ้าคณะอำเภอบ้านไร่ ได้ให้ชาวบ้านสงบลงและแจ้งให้ชาวบ้านลงรายชื่อเพื่อขับไล่ พระอธิการบุญส่ง ออกจากวัด หากชาวบ้านพร้อมจะส่งรายชื่อเพื่อขับไล่เมื่อใด ให้นำไปส่งที่ พระครูอุทัยสุทธิคุณ เจ้าคณะอำเภอบ้านไร่ ได้ทันที และจะนำเสนอเจ้าคณะจังหวัดให้พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ชาวบ้านพอใจและแยกย้ายกันกลับบ้าน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน