รวบแก๊งค้ามนุษย์ 2 หนุ่มกัมพูชา ลวงเพื่อนชาติเดียวกัน ลงเรือจับปลาน่านน้ำโซมาเลีย ทารุณไม่ได้หลับได้นอน ป่วยก็หยุดทำงานไม่ได้ ก่อนเหยื่อหนีมาขึ้นฝั่งประเทศไทย ตร.มัลดีฟส์รวบได้ ประสาน ตร.ไทยรับตัว

รวบแก๊งค้ามนุษย์ วันที่ 1 พ.ย. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประธานอนุกรรมการตรวจสอบและติดตามการบังคับใช้กฎหมาย ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีคำสั่งให้เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีค้ามนุษย์และคณะสืบสวนสอบสวน จะเดินทางถึงประเทศไทยพร้อมนำตัวผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ชาวกัมพูชา 2 ราย นายคำรณ บินรัมย์ หรือไต๋อ้วน และนายสุนัย พรหมบุตร หรือไต๋นัย จากมัลดีฟส์มาดำเนินคดีที่ประเทศไทย

พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าว่า ได้สืบสวนทราบว่า เรือประมงสัญชาติจิบูตี ชื่อเรือ CHOTCHAINAVEE 35 ลักลอบทำประมงโดยผิดกฎหมายในเขตน่านน้ำของโซมาเลีย จะนำสัตว์น้ำที่จับได้จากบริเวณนั้นมาจอดเทียบท่าที่ท่าจีน ยูเนี่ยน พอร์ต อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ โดยพบว่าได้ลักลอบทำประมงโดยผิดกฎหมายในเขตน่านน้ำโซมาเลียจริง จึงมอบหมายให้กรมประมงไปร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ควบคุมเรือกับพวก ต่อมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ แต่งตั้งให้ตน เป็นหัวหน้า และได้สรุปสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องเสนอพนักงานอัยการ และต่อมาพนักงานอัยการก็ได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาทุกคนต่อศาลอาญาแล้ว ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวอีกว่า ในวันที่ไปตรวจสอบเรือ CHOTCHAINAVEE 35 ปรากฏว่าพบลูกเรือชาวกัมพูชา 1 คน ชื่อ นายกำไล (นามสมมติ) แจ้งว่าได้หลบหนีจากเรือลำอื่นเพื่อหาทางเข้าฝั่งมากับเรือลำนี้ ซึ่งทราบว่านายกำไลเหยื่อจากการค้ามนุษย์ 1 ใน 19 ชาวกัมพูชา ที่ถูกนายหน้าชาวไทยหลอกลวงให้เข้ามาในไทยเพื่อทำงานเป็นลูกเรือประมงซึ่งจะออกไปจับปลาในเขตน่านน้ำโซมาเลีย ระยะเวลาจ้าง 2 ปี

จากนั้นก็ได้หลอกเซ็นสัญญาที่ท่าเรือแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร แล้วแยกทั้ง 19 คนออกเป็น 2 กลุ่ม ส่งลงเรือ 2 ลำ ซึ่งมีเจ้าของเป็นคนเดียวกัน ก่อนออกไปจับปลาที่น่านน้ำโซมาเลีย เมื่อได้ปล่ก็นำขึ้นฝั่งมาขาย ระหว่างนั้นนายกำไล ถูกนายคำรณ และนายท้าย บังคับให้ทำงานทั้งๆ ที่ป่วย จากโรคนิ่วและปวดไตอย่างรุนแรง เมื่อป่วยลุกไม่ไหว ก็ถูกกลั่นแกล้งไม่ให้ได้หลับพักผ่อน จากนั้นนายกำไล จึงหลบหนีขึ้นเรืออีกลำที่กำลังจะมาเทียบท่าที่ท่าน้ำ จ.สมุทรสาคร กระทั่งเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือได้ดังกล่าว พร้อมทั้งพยายามช่วยลูกเหลือที่เหลืออีก 18 คน ที่น่านน้ำโซมาเลีย

พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวอีกว่า เนื่องจากในเขตน่านน้ำของโซมาเลียมีปัญหาโจรสลัด ในขณะที่ประเทศโซมาเลียเองก็ยังมีปัญหาสงครามกลางเมือง ได้เล็งเห็นปัญหาข้างต้น จึงได้รายงานให้รัฐบาลและ ศปมผ.ทราบ จากนั้นได้ใช้ความพยายามในการหาทางช่วยเหลือลูกเรือชาวกัมพูชาอีก 18 คน ด้วยการประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศและองค์การระหว่างประเทศเพื่อให้มีการกดดันเจ้าของเรือให้จัดการส่งลูกเรือชาวกัมพูชากลับประเทศ ใช้เวลาอยู่หลายเดือน จนในที่สุดเจ้าของเรือจำต้องส่งลูกเรือชาวกัมพูชาทั้ง 18 คน ให้เดินทางกลับไปยังประเทศกัมพูชาเมื่อประมาณกลางเดือน ก.ย.60 และทั้ง 18 คน ก็ให้การสอดคล้องกับนายกำไล

หลังจากที่เจ้าของเรือส่งลูกเรือกัมพูชาจำนวน 18 คน กลับประเทศกัมพูชาไปได้ไม่นาน ปรากฏว่าลูกเรือคนไทยที่ยังทำงานให้กับเรือทั้งสองลำในเขตน่านน้ำโซมาเลีย จำนวน 40 คน ได้ให้ญาติของตนเดินทางไปร้องเรียนต่อกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ว่าได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาการขาดแคลนอาหารและของใช้ส่วนตัว อีกทั้งลูกเรือไทยบางคนมีอาการเจ็บป่วย ฝ่ายนายจ้างก็ไม่ส่งตัวไปให้แพทย์ตรวจรักษาพยาบาล ขอให้รัฐบาลไทยช่วยเหลือ ให้ได้กลับบ้านโดยเร็ว

เป็นเหตุให้เจ้าของเรือยอมส่งตัวลูกเรือไทยกลับประเทศ แต่ส่งกลับเพียง 35 คน มาถึงไทยเมื่อประมาณกลางเดือน ต.ค.60 ส่วนอีก 5 คน นายจ้างอ้างว่าขอให้อยู่ช่วยดูแลเรือทั้งสองลำเป็นการชั่วคราว เพื่อรอคนงานมาสับเปลี่ยนทำหน้าที่แทน เมื่อกลางเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา สืบทราบว่า นายคำรณ และ นายสุนัย ซึ่งเป็นผู้ควบคุมเรือทั้งสองลำได้ถูกตำรวจมัลดีฟส์จับกุมดำเนินคดีในข้อหานำเรือทั้งสองลำรุกล้ำเขตน่านน้ำของมัลดีฟส์ พร้อมทั้งกักเรือทั้งสองลำไว้ จึงได้เดินทางไปมัลดีฟส์เพื่อแจ้งให้ทราบว่าเรือทั้งสองลำเป็นเรือที่ไปทำการประมงโดยผิดกฏหมายในเขตน่านน้ำโซมาเลียเช่นเดียวกับเรือ CHOTCHAINAVEE 35 และบุคคลทั้งสองยังเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดฐานค้ามนุษย์ ตำรวจมัลดีฟส์แจ้งว่าได้เสร็จสิ้นการดำเนินคดีกับนายคำรณ และนายสุนัย แล้วขอให้ตำรวจไทยไปรับตัวกลับดำเนินคดีต่อไป


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน