เมื่อวันที่ 21 ม.ค.60 หนุ่มวัย 19 ปี (สงวนชื่อและนามสกุล) หนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งที่จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ อ.นาดูน จ.มหาสารคาม ได้ออกมาเปิดเผย ภายหลังได้รับหมายเรียกจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมา ให้เข้าพบเพื่อให้ถ้อยคำกรณีตกเป็นผู้ต้องสงสัยในขบวนการทุจริตสอบนายสิบ ที่ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้เปิดรับสมัครบุคคลภายนอกอายุตั้งแต่ 18 – 27 ปี วุฒิการศึกษาจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือ ปวช. หรือเทียบเท่า สอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนนายสิบตำรวจ จำนวน 1,000 อัตรา ที่มีการจัดสอบไปเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2559 ที่ผ่านมา

 

กระทั่งได้ตรวจพบการกระทุจริตในภายหลังว่า ทันทีที่ได้รับหมายเรียกทั้งตัวเองและครอบครัว ก็รู้สึกตกใจและวิตกกังวลมาก เพราะในชีวิตไม่เคยกระทำผิดและไม่เคยได้รับหมายเรียกเลย แต่ยอมรับว่าตนเองได้สมัครเข้าสอบคัดเลือกเป็นนักเรียนนายสิบตำรวจจริง โดยเข้าสอบที่สนามสอบบางนา แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับขบวนการทุจริตสอบอย่างแน่นอน แต่ที่ถูกออกหมายเรียกในครั้งนี้ คาดว่าน่าจะเป็นการสุ่มเรียกตามหมายเลขผู้เข้าสอบ ซึ่งเลขที่นั่งสอบของตนเองอาจจะอยู่ใกล้กับกลุ่มที่มีการลอกข้อสอบหรือทุจริตสอบ ซึ่งตนเองก็พร้อมที่จะเดินทางไปให้ถ้อยคำตามหมายเรียกเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ แต่สิ่งที่กังวลในตอนนี้ คือ นอกจากจะเสียค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทางไปให้ถ้อยคำแล้ว ยังกลัวว่าการถูกออกหมายเรียกเป็นผู้ต้องสงสัยในครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่ออนาคตทำให้ตนเองเสียสิทธิ์ในการสมัครสอบครั้งต่อไปหรือไม่ จึงอยากวอนขอความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
นายโชคศิริ ยังกล่าวด้วยว่า เหตุผลที่สมัครเข้าสอบคัดเลือกนักเรียนนายสิบตำรวจครั้งนี้ เพราะเป็นความใฝ่ฝันของตนเองและครอบครัวที่อยากจะให้เข้ารับราชการตำรวจ เพราะมองว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติ ประกอบกับครอบครัวมีฐานะยากจนพ่อแม่มีอาชีพค้าขายปลาทู หากลูกได้มีโอกาสเข้ารับราชการก็น่าจะมีฐานะที่มั่นคงมากขึ้น พ่อแม่จึงตัดสินใจนำเงินเก็บที่ได้จากการขายปลาทู จ่ายค่าโรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่งใน จ.มหาสารคาม จำนวน 30,000 บาท เพื่อติวเข้มทักษะความรู้ความสามารถเหมือนกับการสอบบรรจุทั่วๆไป

 

กระทั่งถึงวันสอบก็เดินทางไปสอบตามปกติ ที่สำคัญเมื่อประกาศผลสอบแล้วตนเองก็ไม่ผ่านการสอบครั้งนี้ ทั้งตามกระแสว่ามีการเรียกเงินรายละ 300,000 – 500,000 บาท ครอบครัวคงไม่มีปัญญาจ่ายเงินมากขนาดนั้นได้ แต่ก็ไม่ทราบว่าด้วยสาเหตุอะไรจึงมีชื่อถูกออกหมายเรียกเป็นผู้ต้องสงสัยให้เข้าให้ถ้อยคำ แต่เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจตนก็พร้อมจะเดินทางไปให้ถ้อย แต่ต้องรอหมายเรียกครั้งที่สอง เนื่องจากหมายเรียกครั้งแรก พึ่งส่งมาถึงบ้านเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่ในหมายระบุให้เข้าให้ถ้อยคำวันที่ 4 ม.ค.2560 ซึ่งเลยกำหนดไปแล้ว ซึ่งหากได้รับหมายอีกก็จะเดินทางไปตามหมายทันที

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน