กรมป่าไม้เผยพบจุดความร้อน ไฟป่าภาคเหนือ 446 จุด วอนชาวบ้านอย่าเผา

ไฟป่าภาคเหนือ – เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ไฟป่าภาคเหนือในปัจจุบัน ว่า ระหว่างปี 2559-2561 พบพื้นที่ที่เคยได้รับความเสียหายมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง บางพื้นที่ไม่มีไฟป่าเกิดขึ้นอีก

เมื่อพิจารณาจากจุดความร้อน (Hotspot) พบสถานการณ์ไฟป่าบรรเทาลงชัดเจน คิดเป็นร้อยละ 62 โดยข้อมูลจากดาวเทียมในปี 2561 พบจุดความร้อน 16,683 จุด และล่าสุดระหว่างวันที่ 1 ต.ค. – 16 พ.ย. ที่ผ่านมา พบจุดความร้อน 446 จุด ซึ่งมีความถี่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2561 แม้จำนวนลดลง

นายอรรถพล กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามกรมป่าไม้ ได้จัดทำแผนการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและแก้ไขควบคุมไฟป่าเพื่อบรรเทาปัญหาให้เกิดประสิทธิผลและประสิทธิภาพ พร้อมกำหนดเป็น 4 แนวทางสำคัญ ดังนี้ 1.ก่อนเกิดไฟป่า ช่วงปลายเดือนพ.ย.–ธ.ค. เป็นต้นไป ก่อนถึงเดือนม.ค.–ก.พ. ต้องควบคุมไฟป่าโดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัย โดยจัดการเชื้อเพลิงบริเวณที่อาจจะเกิดไฟได้ตามวิธีชิงเผา

2.เมื่อเข้าสู่ช่วงไฟป่า จะต้องกำหนดพื้นที่ห้ามไม่ให้มีการเผาในแต่ละจังหวัด โดยพิจารณาจากความถี่การเกิดไฟป่าเพื่อควบคุมสถานการณ์ไฟป่า โดยประกาศการหยุดไม่ให้เผา เมื่อเผาจะผิดกฎหมายและข้อบัญญัติ ขอย้ำช่วงนี้จะห้ามเผาเด็ดขาดจนถึงฤดูไฟป่า

ทั้งนี้มีการจัดตั้งชุดเหยี่ยวไฟ ซึ่งเป็นชุดปฏิบัติภารกิจพิเศษ แตกต่างจากชุดดับไฟป่าทั่วไป โดยจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับการฝึกฝน มีทักษะการดับไฟป่า รวมถึงจะมีความสามารถในการดำรงชีพได้นานกว่าชุดดับไฟทั่วไป เพื่อเตรียมรับมือกับไฟป่าที่อาจจะเกิดขึ้น

อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวต่อว่า 3.ช่วงหลังไฟป่า หลังจากหมดห้วงการดับไฟป่าแล้วจะเป็นช่วงรอยต่อ ซึ่งแต่ละจังหวัดจะประกาศช่วงห้ามเผา ระหว่างนี้จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมาพบบทเรียนอันใหญ่หลวงจากการเผาพื้นที่พร้อมกัน

และ 4.การประเมินสถานการณ์ กรมป่าไม้จะจัดทำรายงานเป็นประจำทุกปี เพื่อประเมินสถานการณ์ ปัญหาอุปสรรค เพื่อนำไปสู่การกำหนดแผนสำหรับปีต่อไป ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังปีนี้ คือ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เนื่องจากที่ผ่านมาความถี่ไฟป่าค่อนข้างสูงและมีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานมากทั้งนี้ ตั้งเป้าให้ปี 2562 มีสถิติลดลงมากกว่าทุกปี โดยตัวชี้ไม่ควรเกินปีที่ผ่านมา

“ทั้งนี้ขอฝากให้ทุกคนช่วยตระหนักถึงผลกระทบจากไฟป่าที่เกิดขึ้น เนื่องจากพบสาเหตุหลักของการเกิดไฟป่ามาจากมนุษย์เกือบร้อยละ 100 ดังนั้น ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ที่เสี่ยง พื้นที่เฝ้าระวัง ไม่จุด เผาและให้ระมัดระวังไฟป่า โดยเฉพาะช่วงทำเกษตรกรรมที่ต้องการกำจัดวัชพืช การเผาตอซังข้าวโพด ตลอดจนการเก็บหาของป่า

ทั้งนี้หากพบเห็นไฟป่าสามารถโทรแจ้งสายด่วน 1362 ศูนย์พิทักษ์ป่า เพราะถ้าร่วมกันแจ้งเหตุกันรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จะสามารถเข้าดับไฟป่าได้ทันที ควบคุมสถานการณ์เลวร้ายไฟฟ้าไว้ได้ ไม่เกิดรุกลาม เสียเงิน สิ้นเปลืองงบประมาณมาก” นายอรรถพล กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน