วันที่ 12 ก.พ. ร.ต.อ.(หญิง) หัทยา สัมมา รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองระยอง ได้รับแจ้งเกิดเหตุมีคนใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิต ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ หมู่ 1 ต.บ้านแลง อ.เมือง จ.ระยอง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม แพทย์เวร ร.พ.ระยอง เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการ ภ.จว.ระยอง และหน่วยกู้ภันสว่างพรกุศลระยอง
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านสูง 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ อยู่ภายในสวนผลไม้ จากการตรวจสอบภายในบ้านพบศพ นายซ้อน ขวัญดี อายุ 81 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บนโซฟาไม้ขนาดใหญ่ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ขมับขวาทะลุซ้าย 1 นัด โดยมีอาวุธปืนขนาด .38 ตกอยู่บนหน้าอกผู้เสียชีวิต และกระสุนถูกยิงไปแล้ว 1 นัด นอกจากนี้ยังพบจดหมายเขียนด้วยลายมือวางไว้บนโต๊ะใกล้กับจุดเกิดเหตุ มีใจความว่า “หาทางออกได้แล้ว ดีที่สุด ต้องขอโทษด้วยที่ทำอย่างนี้ เงินอยู่ในลิ้นชักชั้นบน เอาไปซื้อโลงใส่ศพพ่อด้วย แล้วเอาไปเผาเลยจะได้จบ ซ้อน” เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมา นายภาสกร ขวัญดี ผู้จัดการสหกรณ์ศรีเมือง จ.ระยอง ซึ่งเป็นลูกชายของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาที่บ้านก็ถึงกับช็อก ก่อนจะตั้งสติและให้การกับตำรวจว่า พ่อเคยทำงานเป็นพนักงานดับเพลิงเทศบาลนครระยอง หลังเกษียณก็มาใช้ขีวิตอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าวกับแม่ และยังสามารถเดินเหินได้ตามปกติ แต่มีโรคประจำตัวตามอายุขัย ก่อนหน้านี้พ่อได้อยู่บ้านคนเดียวมา 2 วัน เนื่องจากแม่เดินทางบ้านน้องสาวที่ กทม. และตนก็จะแวะเวียนมาหาช่วงเช้าและช่วงเที่ยง และตอนเย็นทุกวัน
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
แต่วันนี้มาไม่ทัน ไม่คาดคิดว่าพ่อจะคิดสั้น เพราะไม่เคยมีลางบอกเหตุมาก่อน ส่วนอาวุธปืนเป็นปืนของพ่อที่ใช้ประจำตัวมาตลอดขณะที่ทำงานเป็นพนักงานดับเพลิง สำหรับสาเหตุคงจะเกิดจากความเหงาที่ต้องอยู่คนเดียว เพราะปกติจะอยู่กัน 2 ตายาย และเครียดอาการปวดท้องโดยไร้สาเหตุ เคยพาไปส่องกล้องก็ปกติ แพทย์ได้นัดตรวจอีกครั้งเดือนมีนาคมนี้ โดยที่ตนไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น เสียใจมาก ต่อการจากไปของพ่อ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบหลักฐานในที่เกิดเหตุ สรุปว่าเป็นการใช้อาวุธปืนยิงตัวเอง เพราะไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย และร่องรอยการต่อสู้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ต้องรอผลการพิสูจน์ศพอย่างละเอียดอีกครั้ง รวมถึงผลการตรวจลายนิ้วมือแฝงบนอาวุธปืนและคราบเขม่าดินปืนบนมือของผู้เสียชีวิต เพื่อประกอบการพิจารณาคดีต่อไป
