ทส.ดึงทุกภาคส่วน ร่วมลงนามปฏิณญาอนุรักษ์เต่าทะเล แห่งประเทศไทย

เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่หาดคึกคัก ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เป็นประธานในงานพิธี “ลงนามปฏิญญาอนุรักษ์เต่าทะเลแห่งประเทศไทย” โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช อบต.คึกคัก นาเตย ท้ายเหมือง และโคกกลอย จ. ภูเก็ต อบต.ไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต หน่วยงานภาคธุรกิจการท่องเที่ยวและการโรงแรม 11 แห่ง หน่วยงานภาครัฐ นักเรียน นักศึกษา และประชาชน รวมกว่า 500 คนเข้าร่วมงาน

พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดนโยบายประชารัฐ เน้นการพัฒนาประเทศโดยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนไปพร้อมๆกัน ตนมีความมุ่งมั่นและได้นำนโยบายมาปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม ที่ผ่านมาได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า และได้เห็นชอบยกระดับการอนุรักษ์เต่ามะเฟือง และให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งไปทำแผนการอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายากพวกนี้ให้มีความเข้มข้นมากขึ้น

“ในวันนี้ถือเป็นความสำเร็จตามนโยบายประชารัฐที่เห็นได้อย่างเป็นรูปธรรมอีกงานหนึ่ง ด้วยการร่วมลงนามปฏิญญาอนุรักษ์เต่าทะเลแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูเต่าทะเล และแหล่งวางไข่ที่สำคัญของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเต่ามะเฟืองซึ่งอาจใกล้จะสูญพันธุ์ในอนาคตนั้น” พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าว

พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้โรงแรมภาคเอกชน และประชนชนในเขตพื้นที่วางไข่เต่าทะเล ได้ร่วมลงมือทำและยกระดับมาตรฐานการจัดการไม่ให้กระทบต่อแหล่งวางไข่ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง การที่ท้องถิ่นรวมทั้งภาคประชาชนได้เข้ามาร่วมในการอนุรักษ์เต่าทะเล และความพยายามคงไว้ซึ่งประเพณีเดินเต่าอันดีงามที่ได้สืบทอดกันมาจากอดีตในบริเวณนี้ ขณะเดียวกันภาครัฐอย่างกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและกรมอุทยานฯ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรฯ ได้แสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะปกป้องการเข้ามาลักลอบทำการประมงในเขตอุทยาน รวมทั้งอนุรักษ์หาดทรายที่มีค่านี้ไว้

แอดไลน์ข่าวสดไม่พลาดทุกข่าวสารเพิ่มเพื่อน

“หวังว่าความพยายามที่เราช่วยกันยกระดับการอนุรักษ์เต่าทะเลให้เข้มข้นและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของจังหวัดพังงาและภูเก็ตไปสู่ระดับโลก ตามที่จังหวัดพังงา ภูเก็ต และกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันได้วางยุทธศาสตร์ว่าจะส่งเสริมให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลระดับโลกบนพื้นฐานการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ” รมว.ทรัพยากรฯ กล่าวย้ำ

ด้านนายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า ทช.มีหน้าที่ในการบริหารจัดการ อนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบนิเวศทางทะเลที่สำคัญทั้งแนวปะการัง แหล่งหญ้าทะเล และป่าชายเลน รวมถึงสัตว์ทะเลและหายากและใกล้สูญพันธ์ เช่น วาฬ โลมา พะยูน และเต่าทะเล แต่จากสถานการณ์ปัจจุบัน พบว่าระบบนิเวศทางทะเลกำลังเสื่อมโทรมอย่างมาก จำนวนสัตว์ทะเลลดลงจนอยู่ในสถานะวิกฤต เนื่องจากถูกจับทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจจากการประมง การทำลายแหล่งที่อยู่อาศัย และแหล่งวางไข่ ปัญหาความเสื่อมโทรม ของคุณภาพน้ำทะเล รวมถึงปัญหาของขยะทะเล

นายจตุพร กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้ตราพ.ร.บ.ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้ ทช. ได้นำมาเป็นเครื่องมือในการทำงาน จึงเป็นโอกาสให้กรมฯ ได้เป็นผู้นำในการสร้างความร่วมมือของการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ระหว่างภาคราชการทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น ภาคเอกชน โรงแรม ภาควิชาการ และองค์กรพัฒนาเอกชน ในพื้นที่ชายหาดจังหวัดพังงาและภูเก็ต ให้ร่วมกันอนุรักษ์แหล่งวางไข่เต่าทะเล โดยยึดหลักการการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเป็นสูญกลางของความร่วมมือในการอนุรักษ์

“เราจะร่วมกันอนุรักษ์เต่าทะเลได้ ต้องอนุรักษ์ถิ่นที่อยู่อาศัย แหล่งวางไข่ รวมถึงการพัฒนาในพื้นที่ที่เปราะบางนี้ ต้องไม่รบกวนวงจรชีวิตของเต่าทะเล จึงเป็นที่มาของ “ปฏิญญาอนุรักษ์เต่าทะเลแห่งประเทศไทย” ที่จะร่วมกันลงนามในวันนี้ ซึ่งเมื่อดำเนินการได้ตามแนวทางดังกล่าวแล้ว เต่าทะเลที่เราร่วมกันปกป้อง ดูแล และรักษาตามปฏิญญาดังกล่าวข้างต้น จะได้มีโอกาสกลับมาวางไข่เพิ่มมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมในอนาคตอย่างที่เคยเป็นมาในอดีต” อธิบดีทช. กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน