วันที่ 7 เม.ย. พ.ต.อ.ณฐพงค์ มุกดาหาร ผกก.สภ.บ้านยางชุม จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย พ.ต.ท.สวัสดิ์ สีนาก รอง ผกก.สส.สภ.บ้านยางชุม, ร.ต.อ.สมบัติ สำเรียนรัมย์ สารวัตร(สอบสวน) และทีมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหุบเทิกเจ็ดหมื่น ถนนสายไทยานนท์ ใกล้กับเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี หมู่ 6 บ้านยางชุมเหนือ ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังพบศพ นายภิภพ แก้วประดิษฐ์ หรือแดง อายุ 55 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ในบริเวณดังกล่าว สภาพมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนจากปากทะลุท้ายทอย โดยมี นายอรุณชัย สมมิตร ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 และ นายวุฒิพงษ์ แก้วประดิษฐ์ ลูกชายผู้เสียชีวิต เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วย

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นแนวป่ารกมีต้นไม้ขนาดใหญ่และเล็กนานาชนิด พบต้นไม้ขนาดใหญ่เหนือสูงจากพื้นดินประมาณ 4 เมตร พบมีแผ่นไม้วางพาดไว้ทำเป็นนั่งสำหรับยิงสัตว์ จึงคาดว่าจะเป็นจุดที่ผู้ตายปืนขึ้นเพื่อล่าสัตว์ พบกิ่งใบหลายกิ่งถูกหักลู่เป็นทาง

นอกจากนี้ยังพบหลักฐานสำคัญจากการ ตรวจสอบอาวุธปืนของผู้ตาย ซึ่งเป็นปืนลูกซองยาว ไกปืนถูกปรับแต่งให้ยาวกว่าปกติและพบว่าปลอกกระสุนที่จานตกกระทบแตก จนอาจะเป็นที่มาของอุบัติเหตุในครั้งนี้ อีกทั้งผลการชันสูตรในเบื้องต้นไม่พบคราบเขม่าดินปืนบริเวณปากผู้ตาย จึงไม่ใช่การฆ่าตัวตายด้วยการยิงกรอกปากอย่างแน่นอน

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ขณะเกิดเหตุผู้ตายขับรถกระบะไปรับ นายอรัญ ลิ่มมั่น อายุ 60 ปี เพื่อนสนิทที่บ้านมาล่าหมูป่าด้วยกัน แต่เมื่อมาถึงบริเวณป่าต้นยางห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร รถยนต์เข้าไปไม่ได้ นายอรัญ จึงรอด้านนอกโดยผูกเปลผ้าใบกับต้นไม้เพื่อนั่งรอ เพราะที่นั่งห้างนั่งได้เพียงคนเดียวเท่านั้น โดยผู้ตายได้สะพายอาวุธปืนเดินตรงไปยังต้นไม้ใหญ่เพื่อปีนขึ้นไปยิงหมูป่า

คาดว่าขณะที่ปืนต้นไม้ สายสะพายปืนลูกซองได้หลุดออกจากไหล่ ตกลงกระแทกพื้นดินแข็งอย่างแรง ประกอบกับไกปืนถูกปรับแต่ง กระสุนจึงลั่นออกจากปากกระบอกปืน คาดว่าน่าจะเป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้ตายชะโงกหน้าตามไปดูปืนที่ตก เป็นเหตุให้กระสุนพุ่งเข้าปากผู้ตาย ทะลุท้ายท้อยจนเสียชีวิต ขณะที่ญาติของผู้ตายไม่ติดใจในสาเหตุการตาย

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหา นายอรัญ คือ 1.ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองไม่ได้รับอนุญาต 2.พกพาอาวุธไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร 3.บุกรุกป่าพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน