เมื่อเวลา 19.30 น.วันที่ 13 เม.ย. ตลอดถนนราษฎรดำริตั้งแต่สี่แยกสัญญาณไฟแดงยาวตลอดแนวถึงหน้าสถานีรถไฟปราจีนบุรี ระยะทางไกลกว่า 3 ก.ม. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองปราจีนบุรี ได้กันพื้นที่ไม่ให้รถเข้า พร้อมนำกำลังเข้าไปขอให้ประชาชนที่เล่นสงกรานต์ทั้งที่จับกลุ่มอยู่ริมตลอดรายทาง นับกว่า 1,000 คน ซึ่งกำลังดักสาดน้ำ–เล่นน้ำเปิดเครื่องเสียงดื่ม-กินเหล้า-เบียร์ และตระเวนขับขี่รถยนต์– จยย.สาดน้ำ ขอให้ยุติการใช้เครื่องเสียงและกลับเข้าบ้าน
เนื่องจากเริ่มเมา ขาดสติ มีการตะลุมบอนชกต่อยของวัยรุ่นในหลายจุด กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีกำจัดเกรงอาจเกิดอันตรายหรือเหตุรุนแรงสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน อาทิ หน้าธนาคารกรุงเทพ วัยรุ่นเกิดเขม่นกันขณะกำลังเต้น และใช้กำลังชกต่อย ขว้างขวดเบียร์ใส่กันได้รับบาดเจ็บ
วันเดียวกัน ร.ต.ท.(หญิง) ธัญญารัตน์ วรรณพิรุณ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองปราจีนบุรี ได้รับแจ้งมีผู้ถูกแทงได้รับบาดเจ็บ ที่หลัง อบจ.ปราจีนบุรี ต.รอบเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.สุรชัย จงวัชระสถิต รอง ผกก.สส.สภ.เมืองปราจีนบุรี
ที่เกิดเหตุ พบรถ จยย.ยามาฮ่า สีฟ้า หมายเลขทะเบียน จ–4131 ปราจีนบุรี จอดอยู่ที่ถังนำมันเต็มไปด้วยคราบเลือดของผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อคือ นายชรินทร์ ที่พึ่ง อายุ 38 ปี มีบาดแผลถูกแทงด้วยมีดพกเข้าที่ฝ่ามือขวาทะลุหลังมือ หน่วยกู้ภัยสว่างบำเพ็ญธรรมสถานนำส่งห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน ร.พ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ส่วนผู้ก่อคือ นายสมชาย หิรัญเนตร อายุ 63 ปี หลังเกิดเหตุถูกตำรวจสายตรวจเข้าจับกุมตัวไว้ได้ พร้อมมีดที่ใช้ก่อเหตุ
จากการสอบสวน นางสุรีย์ ภักดียิ่ง อายุ 38 ปี ภรรยาของ นายชรินทร์ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อม นายชรินทร์ ได้ไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ สาขาปราจีนบุรี ขณะกำลังกลับบ้านโดยขี่รถจยย. มาถึงที่เกิดเหตุ พบคนร้าย ยืนขวางทางบนถนนที่เกิดเหตุ พร้อมกับโบกมือให้จอดรถจยย. เมื่อรถจอดคนร้ายได้ตรงเข้ามาใช้มีดแทงใส่ลำคอ นายชรินทร์ โดย นายชรินทร์ ได้ยกมือกันมีดจึงแทงเข้ากลางฝ่ามือทะลุหลังมือ
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
จากนั้นคนร้ายได้ดึงมีดออก และง้างมีดจะแทงซ้ำ ตนและสามีจึงวิ่งหนีมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน ก่อนแจ้งตำรวจและหน่วยกู้ภัยมาช่วยเหลือ ขณะที่ญาติของนายสมชาย กล่าวว่า นายสมชาย ดื่มสุราจนเมามายขาดสติ และเมื่อเมามักอาละวาดทำร้ายคนอื่นเสมอ แม้แต่พ่อแท้ๆ ยังถูกใช้ขวานไล่ฟันมาแล้ว
