เมื่อวันที่ 30 ก.ย.59 ร.ต.อ.บดินทร์ ดอนชวนชม รอง สว.(สอบสวน) สภ.บางปู จ.สมุทรปราการ รับแจ้งเหตุ รถกระบะพุ่งชนคอสะพานข้ามคลอง มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เหตุเกิดบริเวณเวรสะพานข้ามคลองมอญ ถนนพุทธรักษา ต.แพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู อาสามูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ เดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นถนนสองเลน บริเวณช่องทางขวาสุด พบรถกระบะติดหลังคาแครี่บอย ยี่ห้อ มิตซูบิชิ ไทรทัน สีบรอนเทา หมายเลขทะเบียน ถห 1458 กรุงเทพฯ สภาพด้านหน้ารถอัดก๊อปปี้ติดคาอยู่กับคอสะพานปูน พังยับเยิน ในห้องโดยสารมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ นายภานุวัฒน์ ชื่นใจ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87/8 ถนนสุขุมวิท 71 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพ ซึ่งเสียชีวิตอยู่เบาะคนขับ
ส่วนเบาะข้างคนขับพบศพ น.ส.ชนกสุดา ส่องเสนา อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42/1 ซอย 5 (เฉลิมชัย) ถนนสายลวด ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ตรวจค้นในกระเป๋าสตางค์ของนายภานุวัฒน์ มีเงินสดกว่า 9,900 บาท และเอกสารจำนวนหนึ่ง ส่วนกระเป๋าฝ่ายหญิง พบบัตรประจำตัวนักศึกษา ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงเทพ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบถามเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ ระหว่างที่ตนกำลัง ยืนโบกรถ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกจราจร อยู่บริเวณปากซอยแพรกษา ซอย 6 ถนนพุทธรักษา กลางสายฝน เนื่องจากมีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้ม ระหว่างนั้น รถกระบะคันดังกล่าวได้ขับผ่านมา พร้อมกับชะรอรถ ก่อนที่คนขับ จะลดกระจกลงและถามตนว่า มีเหตุอะไร ซึ่งตนก็ได้ตอบไปว่า มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มคับ ก่อนที่รถกระบะจะขับออกไป จากนั้นผ่านไปไม่นาน ตนก็ได้ยินวิทยุของกู้ชีพปราการว่า แจ้งว่า มีอุบัติเหตุรถชนสะพานข้ามคลองมอญ ตนและอาสารุ่นพี่ ซึ่งอยู่มูลนิธิเดียวกัน จึงได้รีบไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เนื่องจากจุดดังกล่าวห่างจากที่ตนอยู่ไม่มากนัก เมื่อไปถึง ก็ต้องตกใจ เมื่อ ทราบว่ารถที่อัดก๊อปปี้กับคอสะพานนั้นอยู่นั้น เป็นคันเดียวกันที่เพิ่งคุยกับตนเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
เบื้องต้นคาดว่า ระหว่างที่ผู้เสียชีวิต ขับรถมาตามทางด้วยความเร็ว และช่วงเกิดเหตุนั้นมีฝนตกลงมา จึงทำให้ถนนค่อนข้างลื่นและ 2 ข้างทางไม่มีไฟฟ้า บวกกับจุดดังกล่าวค่อนข้างมืด จึงทำให้คนขับมองไม่เห็นทางและเสียหลักพุ่งชนกับคอสะพานข้ามคลองจนเสียชีวิต อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมกับจะได้ติดต่อญาติให้ทราบต่อไป
