นักธุรกิจหนุ่มแดนซามูไร‘ปลูกมะเขือเทศ’ในไทย

นักธุรกิจหนุ่มแดนซามูไร‘ปลูกมะเขือเทศ’ในไทย – หลายปีมานี้ชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยเข้ามาตั้งรกรากในบ้านเรา โดยเฉพาะพวกผู้สูงอายุทั้งหลาย ส่วนใหญ่มักอยู่ในจังหวัดแถบภาคเหนือ วันก่อนได้เห็นผลผลิตหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นข้าวโพดฮอกไกโด มะเขือเทศ และผักสลัด นึกว่านำเข้ามาจากแดนซากุระ

นักธุรกิจหนุ่มแดนซามูไร‘ปลูกมะเขือเทศ’ในไทย

ภายในโรงเรือน

สอบถามได้ความว่าปลูกในเมืองไทยนี่เองเป็นของบริษัท เจเเปน อะกรี ชาล์เล้นจ์ เอเชีย จำกัด ที่มี คุณโช ซาโกตะ เป็นกรรมการ ผู้จัดการ และมี คุณสิทธิกร อออุตสาหกิจ เป็นผู้จัดการทั่วไป ผลิตภัณฑ์เด่นของบริษัทคือมะเขือเทศพันธุ์ “บีจิน” ซึ่งได้ลิขสิทธิ์เจ้าเดียวในไทย

นักธุรกิจหนุ่มแดนซามูไร‘ปลูกมะเขือเทศ’ในไทย

มะเขือเทศเก็บได้หลายรุ่น

คุณสิทธิกรเกริ่นที่มาที่ไปให้ฟังว่า บริษัทก่อตั้งมาปีนี้เป็นปีที่ 5 เเล้ว เงินลงทุนทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์มาจากญี่ปุ่น แต่มีคนไทยถือหุ้นด้วย เริ่มปลูกมะเขือเทศเกรดพรีเมียมในประเทศไทย ฟาร์มเเรกที่ อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ทุกวันนี้ก็ยังปลูกอยู่ในเนื้อที่ 14 ไร่ ปลูกในโรงเรือน พื้นที่ 5,500 ตารางเมตร เป็นระบบเกษตรปลอดภัย ซึ่งจะหยุดสเปรย์ยาอย่างน้อย 2 อาทิตย์ก่อนที่จะเก็บเกี่ยว เพราะฉะนั้นตัวยาจะหายไปจากผล

นักธุรกิจหนุ่มแดนซามูไร‘ปลูกมะเขือเทศ’ในไทย

อีกแปลงหนึ่งปลูกที่ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย พื้นที่ 14 ไร่ ขนาดของโรงเรือน 1 หมื่นตารางเมตร เเต่จะเเตกต่างจากที่เพชรบูรณ์ที่เล่นไล่ตามระดับเขา สูงจากระดับน้ำทะเล 800 เมตร ส่วนที่เชียงรายปลูกในพื้นที่ราบ สูงจากระดับน้ำทะเล 500 เมตร

สาเหตุที่ผู้ประกอบการญี่ปุ่นเข้ามาทำธุรกิจนี้ในบ้านเรา เพราะ 1.คือในเมืองไทยยังไม่มีมะเขือเทศเกรดพรีเมียมเลย จึงเป็นเจ้าเเรกๆ ที่เข้ามาเลย 2.การเกษตรในเมืองไทยเติบโตเชิงบวกมาหลายปีเเล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี นอกจากนี้ยังสอนคนต่างจังหวัดให้รู้จักวิธีการปลูกมะเขือเทศ ด้วยเทคโนโลยีของญี่ปุ่น ที่มีประสบการณ์และประสบความสำเร็จในด้านนี้มาหลายปีอยู่เเล้ว

คุณสิทธิกรขยายความด้วยว่า บริษัทลงทุนไปร่วม 70-80 ล้านบาท คนญี่ปุ่นที่สนับสนุนเงินลงทุนเป็นกลุ่มเกษตรกร ซึ่งในปีเเรกผลผลิตประสบปัญหาเพราะอากาศค่อนข้างร้อน ขณะที่บริษัทต้องการปลูกมะเขือเทศในทุกฤดู ที่ผ่านมาตั้งเเต่ตอนพฤศจิกายนยันถึงเดือนเมษายน ผลผลิตของมะเขือเทศที่ อ.น้ำหนาว เเละที่เชียงรายให้ผลผลิตค่อนข้างดี เนื่องจากว่าอยู่ในที่สูงอากาศค่อนข้างเย็น ซึ่งมะเขือเทศชอบอากาศเย็น เเห้ง

นักธุรกิจหนุ่มแดนซามูไร‘ปลูกมะเขือเทศ’ในไทย

ข้าวโพดฮอกไกโดทานสดได้

พอเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนผลผลิตจะน้อยลง ช่วงนี้การติดผลก็จะยาก และจะเกิดโรคด้วย ขณะที่หน้าฝนจะมีปัญหาเรื่องการสุกของมะเขือเทศ เพราะเป็นพืชที่ชอบเเสงเเดด จะประสบปัญหาคือผลผลิตจะเเดงค่อนข้างยาก ในปีเเรกๆ ปัญหาค่อนข้างเยอะมาก สำหรับปีนี้เป็นปีเเรกที่บริษัทบุกตลาดและก็มีกลุ่มลูกค้าค่อนข้างเยอะที่ยอมรับในสินค้า

พูดถึงมะเขือเทศพันธุ์ “บีจิน” หลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก คุณสิทธิกรแจกแจงว่า เป็นพันธุ์ของญี่ปุ่นที่พัฒนาเพื่อให้เหมาะกับการปลูกในเมืองไทย จุดเด่นที่เเตกต่างจากมะเขือเทศเมืองไทยก็คือ มีรสชาติหวาน เเละไม่มีรสชาติเหม็นเขียว จะมีอยู่สองพันธุ์คือเอ (A) กับ บี (B) พันธุ์ A ปลูกที่เพชรบูรณ์ มีลูกขนาด 15-31 กรัม

นักธุรกิจหนุ่มแดนซามูไร‘ปลูกมะเขือเทศ’ในไทย

สิทธิกร อออุตสาหกิจ และ โช ซาโกตะ

อย่างที่เกริ่นไปแต่แรกว่าการปลูกมะเขือเทศดังกล่าวใช้เทคโนโลยีจากญี่ปุ่น ซึ่งเน้นเรื่องคุณภาพเป็นอันดับแรก อย่างเช่นพอออกดอกจะตัดกิ่งเเรกทิ้ง รวมถึงกิ่งที่สองด้วย เพื่อให้รากส่งน้ำตาลได้ต่อไป เพราะถ้าเกิดไปเก็บผลผลิตชุดแรกเร็ว ผลผลิตในชุดหลังคุณภาพอาจจะไม่ดีเท่า นอกจากนี้จะเก็บมะเขือเทศทุกวันเพื่อให้ได้ผลที่สดใหม่ มีคุณภาพดี

“ตอนปลูกครั้งเเรกประสบปัญหาในเรื่องของโรค เช่น เหี่ยวบ้าง ตายบ้าง เป็นโรคต่างๆ คือพันธุ์ญี่ปุ่นมีข้อเสียตรงที่ไม่ทนอากาศร้อน ทุกวันนี้ก็ยังประสบปัญหาดังกล่าวอยู่ อย่างที่ญี่ปุ่นการเก็บเกี่ยวต่อหนึ่งต้นอยู่ที่ 6-8 เดือน เเต่ในไทยทำได้สูงสุดเเค่ 3 เดือนครึ่ง เพราะอากาศร้อน การติดโรค เเละความชื้นในอากาศมาเกี่ยวข้องมาก ทำให้ต้นทุนสูง เพราะใช้ปุ๋ยที่นำเข้าจากประเทศเอสโตเนีย เนื่องจากเป็นปุ๋ยเกรดดีที่สุด ตอนนี้ก็เริ่มใช้ปุ๋ยมะพร้าว ปุ๋ยมะพร้าวฝอยบ้าง ผลผลิตก็ยังออกมาไม่ดีเท่าที่ควร”

การเก็บเกี่ยวผลผลิตต่อรอบนั้น ในช่วงหน้าหนาวได้ประมาณ 3 เดือนครึ่ง เเต่ถ้าช่วงหน้าร้อนประมาณ 2 เดือนกว่าๆ ก็หมดเเล้ว ทั้งนี้บริษัทวางแผนไว้ว่าสิ้นปีนี้จะย้ายฟาร์มจากที่เพชรบูรณ์ไปทั้งหมดเพื่อง่ายต่อการบริหารจัดการ และจะปลูกพืชผักออร์แกนิกหรือไฮโดรโปรนิก กำลังพิจารณากันอยู่

คุณสิทธิกรแจกแจงว่า กำลังผลิตทั้งสองฟาร์มอยู่ประมาณ 2 ตันกว่าต่อสัปดาห์ ถือว่าน้อยเพราะจริงๆ ช่วงไฮซีซั่นจะได้เฉลี่ยประมาณ 5 ตันต่อสัปดาห์ โดยส่งขายในประเทศอย่างเดียว ซึ่งตอนนี้ขายในประเทศยังไม่พอเลย ราคาขายปลีกอยู่ที่ ก.ก.ละ 320 บาท

มะเขือเทศของ “บีจิน” ส่วนใหญ่ส่งขายให้ร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย ร้านอาหารอิตาเลียน และโรงแรมระดับ 5 ดาว ขณะที่ร้านอาหารบางส่วนซื้อมะเขือเทศที่นำเข้ามาจากมาเลเซีย ซึ่งราคาสูงกว่าเเละไม่สามารถเลือกขนาดได้ เเต่ร้านอาหารจะชอบของ “บีจิน” เพราะสามารถระบุได้ว่าอยากได้ขนาดไหนลูกละกี่กรัม เพราะมีเครื่องคัดขนาด

นอกจากจะปลูกมะเขือเทศแล้ว บริษัทเจเเปน อะกรี ชาล์เล้นจ์ เอเชียฯ ยังปลูกข้าวโพดฮอกไกโดที่ทานสดได้ รสชาติจะหวานเหมือนนม ซึ่งผลผลิตออกมาเยอะในช่วงเดือนกรกฎาคม

“ข้าวโพดเราวิจัยเเละพัฒนามานานประมาณปีกว่า เเต่ยังไม่พอใจกับรสชาติเเละผลผลิตที่ได้รับ พยายามไม่ใช้ยาฆ่าเเมลง ซึ่งมีแมลงไปกัดกินตัวข้าวโพด ใช้เพียงเเค่ตอนเป็นต้นกล้าที่เล็กที่สุด คือพยายามใช้น้อยที่สุด”

อีกทั้งในปีนี้ก็ปลูกมะเขือเทศหลากสีด้วย เป็นพันธุ์ญี่ปุ่นอีกพันธุ์หนึ่งเหมือนกัน โดยนำเมล็ดพันธุ์มาจากญี่ปุ่น มีสีเขียว สีชมพู สีช็อกโกเเลต สีเหลือง และสีส้ม ซึ่งก็เป็นที่ยอมรับของตลาดพอสมควร พร้อมกันนั้นจะปลูกผักออร์เเกนิกด้วย เช่น หัวไชเท้า

คุณสิทธิกรบอกว่า ช่วงปีที่ผ่านมาตลาด มะเขือเทศบีจินโตถึง 300 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว เพราะบริษัทได้ไปติดต่อกับห้างโมเดิร์นเทรดรายใหม่ๆ หลายเจ้า และยังได้นำมะเขือเทศมาแปรรูปเป็นน้ำมะเขือเทศด้วย ซึ่งมีวางขายที่บิ๊กซีบางสาขา และตามร้านบางแห่ง รสชาติจะเเตกต่างจากน้ำมะเขือเทศในตลาดเพราะเป็นการพาสเจอไรซ์ คือต้มที่ 60 องศา ข้อดีคือได้คุณค่าทางสารอาหารตรงจากมะเขือเทศ ส่วนน้ำมะเขือเทศในท้องตลาดส่วนใหญ่จะใช้วิธีสเตอริไรซ์ต้มที่ 100 องศาทำให้คุณค่าสารอาหารหายไปหมด สนใจผลผลิตทางการเกษตรของบริษัทเข้าไปดูได้ที่ www.biobijin.com

ฟังคำบอกเล่าทั้งหมดนี้แล้วทำให้ได้รู้ว่าผลผลิตทางการเกษตรเกรดพรีเมียมนั้นยังมีช่องทางการตลาดอยู่ แต่จะต้องเป็นสินค้าที่มีจุดเด่นและมีคุณภาพจริงๆ

ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน