คืบหน้าเหตุการณ์หญิงสาวปีนเสาวิทยุประท้วงตำรวจ ข่มขืนหลานวัย 14 ปี คดีไม่คืบ ล่าสุดต้นสังกัดยังไม่ให้ตำรวจผู้ถูกกล่าวหาออกจากราชการ ชี้คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของตำรวจ ภ.3 ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เจ้าหน้าที่คุมหน้าสาวที่รพ.ไม่ให้ใครเข้าพบ

จากกรณีสาววัย 35 ปี ปีนเสาส่งสัญญาณวิทยุสูงภายในสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา และทำทีเหมือนจะกระโดดลงมาเพื่อฆ่าตัวตาย ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมงช่วยกันเกลี้ยกล่อมลงมาได้สำเร็จ โดยสาวดังกล่าวได้เขียนจดหมายขอความเป็นธรรม อ้างว่าดาบตำรวจนายหนึ่ง สังกัดสถานีตำรวจโพธิ์กลาง อำเภอเมืองนครราชสีมา พรากผู้เยาว์ กระทำอนาจาร และกระทำชำเรา เด็กหญิงอายุ 14 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานสาวของหญิงสาวรายนี้ แต่คดีกลับถูกพนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง พร้อมกับกล่าวหาว่าตำรวจช่วยเหลือปกป้องพวกเดียวกันเอง โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงสายของวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุดวันที่ 5 พ.ค. พล.ต.ต.สุภากร คำสิงห์นอก ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า กรณีนี้จะยังไม่ให้ตำรวจผู้ถูกกล่าวหาออกจากราชการ เนื่องจากเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา ไม่ใช่ความผิดที่ชัดเจนเหมือนการค้ายาบ้าหรือคดีฆาตกรรม จึงต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ส่วนการย้ายออกนอกพื้นที่ก็ไม่จำเป็น เพราะตำรวจผู้ถูกกล่าวหาอยู่ในพื้นที่ สภ.โพธิ์กลาง แต่คดีเกิดในพื้นที่ สภ.เมือง จึงเป็นคนละพื้นที่อยู่แล้ว ซึ่งผู้เสียหายอาจจะมีความกังวลเพราะคดีเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ตนขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพียงแต่ว่าขณะนี้คดีกำลังดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายอยู่ และไม่ปรากฏว่ามีการข่มขู่แต่อย่างใด

โดยคดีดังกล่าวนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางปี 2559 และได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2559 ในพื้นที่รับผิดชอบของสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา ซึ่งพนักงานสอบสวนขณะนั้นได้ทำสำนวนคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย และพนักงานสอบสวนได้มีความเห็นสั่งฟ้องดาบตำรวจผู้ที่ถูกกล่าวหาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ในข้อหาพรากผู้เยาว์ กระทำอนาจาร และกระทำชำเราเด็กหญิงอายุ 14 ปี โดยดาบตำรวจคนดังกล่าวให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่เมื่อสำนวนคดีไปถึงชั้นอัยการ อัยการกลับมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง และได้ส่งสำนวนคดีกลับมาที่ตำรวจภูธรภาค 3 เพื่อให้พิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งกับอัยการหรือไม่ ซึ่งขณะนี้สำนวนคดีดังกล่าวกำลังอยู่ในขึ้นตอนของการพิจารณาของตำรวจภูธรภาค 3 และคาดว่าจะสรุปความเห็นคดีดังกล่าวได้ภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งหากมีความเห็นแย้งกับอัยการก็ต้องส่งสำนวนคดีไปให้อัยการสูงสุดพิจารณา แต่ถ้าหากเห็นด้วยกับอัยการก็เป็นอันว่าคดียุติ

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้ไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งหญิงสาวที่ปีนเสาวิทยุไปพักรักษาตัวอยู่ แต่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าอยู่หน้าห้องหลายนาย และไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปบันทึกภาพแต่อย่างใด โดยให้เหตุผลว่าเพื่อรักษาความปลอดภัย และให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนเต็มที่ จึงไม่อยากให้บุคคลภายนอกเข้าไปรบกวน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน