เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. สภ.เมืองอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี น.ส.โฉมนภา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี บ้านอยู่ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี พานายบีม (นามสมมติ) อายุ 17 ปี บุตรชาย พร้อมเพื่อนรวม 5 คน เข้าพบ พ.ต.ท.ปราโมทย์ ชื่นตา รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองอุบลราชธานี เพื่อแจ้งความอายัดบัญชีธนาคาร รวม 12 บัญชี หลังมีคนว่าจ้างให้เปิดบัญชีธนาคารแล้วพบว่ามียอดเงินหวุนเวียนแต่ละวันหลายล้านบาท

นายบีม ให้การว่า เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคม 2559 มีนักศึกษารุ่นพี่วิทยาลัยเดียวกัน อายุ 19 ปี มาชักชวนตนและเพื่อนๆให้ไปเปิดบัญชีกับธนาคาร โดยจะให้เงินคนละ 500 บาทซึ่งตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรจึงพากันไปเปิดบัญชีที่ธนาคาร จนกระทั่งเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ธนาคารมาพบตนและมารดาที่บ้าน

พร้อมนำเอกสารการเคลื่อนไหวทางบัญชีที่มีเงินโอนเข้าออกตั้งแต่หลัก 50 บาทไปจนถึงหลักแสนบาท เพราะสงสัยประกอบธุรกิจอะไรถึงมีการเคลื่อนไหวของบัญชีอย่างต่อเนื่อง โดยแค่เดือนพ.ค.เดือนเดียวบัญชีของตนมีเงินหมุนเวียนเข้าออกทุกวันรวมยอดกว่า 7 ล้านบาท ทำให้ครอบครัวตกใจและเชื่อว่ากลุ่มมิจฉาชีพน่าจะใช้บัญชีชื่อของตนทำเรื่องผิดกฎหมาย

ขณะที่พ.ต.ท.ปราโมทย์ เปิดเผยหลังตรวจสอบเอกสารแล้วว่า ได้ตรวจสอบบัญชีทั้ง 12 บัญชีพบว่ามีเงินหมุนเวียนเดือนละเกือบ 100 ล้านบาท ซึ่งหลังรับแจ้งความได้เรียกตัวรุ่นพี่ที่ให้นายบีมและเพื่อนไปเปิดบัญชี มาสอบสวนจนทราบว่า เพื่อนของมารดามาว่าจ้างให้หาคนไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับโอนเงินค่าหวยใต้ดิน

โดยให้ค่าตอบแทนคนละ 500 บาท ตอนแรกรุ่นพี่คนนี้ก็ไม่รู้จะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย อีกทั้งมารดาของรุ่นพี่คนนี้ก็เปิดบัญชีด้วย 2 บัญชี ซึ่งตนสั่งให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบเส้นทางการเงิน ว่ามีการโยกเงินไปยังสถานที่ใดบ้าง เพื่อดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมฝากถึงประชาชนอย่าตกเป็นเครื่องมือ เพราะการเปิดบัญชีให้ผู้อื่นนำไปใช้ประโยชน์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นความผิดด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน