วันที่ 24 มี.ค. ที่สำนักงานเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายธีระกิจ หวังมุธิตากุล นายวิโรจน์ ใจห้าว ไปรษณีจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมพิธีมอบหน้ากากผ้าให้กับไปรษณีสุราษฎร์ธานี นำส่งตามบ้านเรือนประชาชนในเขตเทศบาลตาม “โครงการพลังคนไทยร่วมใจป้องกันไวรัสโคโรนา 2019” ที่เทศบาลนครสุราษฎร์ธานีได้จัดขึ้น

นายธีระกิจ กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวร้โคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในปัจจุบันนั้น เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต จากทั่วทุกภูมิภาคของโลก จำนวน 185 ประเทศโดยเฉพาะภูมิภาคยุโรป และอเมริกา สำหรัประเทศไทยมีแนวโน้มพบผู้ปวยเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงสาธารณสุขคาดการณ์ว่าจะมีผู้ปวยยืนยันกว่า 3 แสนรายภายในระยะเวลา 30 วันนับจากนี้ หากไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนตามมาตรการหรือคำแนะนำต่างๆ ของรัฐบาล ในส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเฉพาะอำเภอเมือง เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการระบาดของโรคนี้เช่นกัน

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ซึ่งขณะนี้มีรายงานผู้ปวยยืนยันแล้ว จำนวน 9 ราย ดังนั้นความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้จากภาครัฐ ภาคประชาชน และเอกชน ผู้ประกอบการต่างๆเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้การควบคุมการแพร่ระบาดโรคของจังหวัดมีประสิทธิภาพประสิทธิผล สามารถควบคุมโรคให้สงบได้ในจำนวนจำกัดและในเวลาอันสั้น เพื่อลดการสูญเสียทุกรูปแบบ การจัดทำหนักผัาแจกจ่ายให้ประชาชนกว่า หกหมื่นครัวเรือน หรือกว่า 1.2 แสนชิ้น

โดยได้รับความร่วมือจากนายวิโรจน์ ใจห้าว ไปรษณีจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นผู้นำส่งโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และเป็นทางเลือกในการป้องกันโรคในพื้นที่ถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจในการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรค ภัยพิบัติ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดังนั้น การจัดทำโครงการพลังคนไทยร่วมใจป้องกันไวรัสโคโรนา 2019 ของเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ในครั้งนี้ จึงเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนสามารถป้องกันโรคระบาดได้ด้วยตัวเอง ลดภาระค่าใช้จ่ายและสร้างความตระหนักให้ประชาชนในการป้องกันโรค รวมถึงให้ความร่วมมือตามคำแนะนำต่างๆ ของทางการ เป็นอย่างดี

ด้าน นายวิชวุทย์ กล่าวว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้มีมาตราการคัดกรองตามจุดต่างๆ เช่นสนามบิน ท่าเรือโดยสาร บขส. จุดเส้นทางอื่นที่จะเดินทางเข้ามาในจังหวัดสุราษฎร์ธานีโดยเฉพาะกลุ่มคนที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ จะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในแต่ละพื้นที่จัดทำทะเบียนประวัติ และทะเบียนบ้านโดยจะต้องปฎิบัติตามมาตราการควบคุมโรค และกักตัวเองเพื่อรอดูอาการให้ครบ 14 วัน โดยจะมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลตำบล และเจ้าหน้าที่ อสม.หมู่บ้านค่อยดูแลและให้คำแนะนำ ตลอดจนกว่าจะครบ สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาด ยังคงมีผู้ป่วย 9 ราย และรักษาหายแล้วเพิ่มอีก 2 ราย และคาดว่าจะมีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้ต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกคนปฎิบัติตามคำแนะนำอน่างเคร่งครัด งดการแพร่ระบาด เราจะต้องเอาชนะและผ่านวิกฤติไวรัสโควิด-19ไปด้วยกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน